Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

meetFEEL

อพท. จับมือ 5 สถาบันการศึกษา สานพลังพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา หวังยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่สู่เกณฑ์มาตรฐานสากล GSTC UCCN และ CBT Thailand ชูจุดขายวิถีชีวิตและวัฒนธรรม หนุนศักยภาพ เมืองเก่า-เกาะหมาก-ปากประ-ควนเคร็ง ขึ้นแท่นต้นแบบสายกรีน ส่วนสายมูชูเส้นทางเที่ยวชุมชนตามรอยหลวงพ่อทวด  ตั้งเป้าปี 2570 กระจายรายได้เพิ่ม 20% ในพื้นที่พิเศษ 3 จังหวัด  เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) พัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ร่วมกับ 5 สถาบันอุดมศึกษา โดยได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์

หน้าฝนเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการออกจากบ้าน…. เรื่องนี้สายกรีนเขารู้ดี เพราะฝนจะช่วยชะล้างให้ทุกอย่างดูสดใส แหล่งน้ำที่เคยเหือดหายก็กลับมาเติมเต็ม ภายใต้บรรยากาศที่เย็นใจนี้ ขอกลับไปให้หายคิดถึงอีกสักที ที่ “เขาค้อ” เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมืองมะขามหวาน และไก่ย่างแสนอร่อย ทริปนี้มีโอกาสแวะกินทั้งขาไปขากลับ พอมาถึงเขาค้อก็ตระเวนหาของกินอร่อย ๆ ทั้งที่เคยติดอกติดใจ และร้านใหม่ ๆ ที่น่าลอง และไม่ลืมที่จะอัพเดทที่เที่ยวใหม่ ๆ มาฝากกัน Phukaew Peak จุดชมวิวสุดพีค  เมื่อมาถึงภูแก้วรีสอร์ทแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดบริเวณวงเวียนน้ำพุ จะเห็นรถสองแถวจอดรอ เพราะการขึ้นไปยังภูแก้วพีคนั้น ถนนเส้นเล็ก ๆ มีความลาดชัน หลังจากซื้อตั๋วค่าเข้าชมคนละ 40 บาทแล้ว รถสองแถวก็พาเราไต่ขึ้นไปบนเนินเขาสูง อันเป็นจุดพีคของสถานที่แห่งนี้ จุดแรกเราจะพบกับ “ภูแก้วพีค คาเฟ่” ร้านกาแฟมุมสูงที่มองเห็นวิวทิวทัศน์กว้างไกล ทิวทุ่งกังหันลมจากมุมนี้มีขนาดจิ๋วลงไปเหมือนก้านไม้ขีด   ถ้าได้มาช่วงเช้ายามมีหมอก หรือแสงเย็นยามพระอาทิตย์ตกก็จะดีงามขึ้นไปอีก เดินขึ้นเนินไปอีกหน่อย ผ่านแนวดอกไม้สีสันสดใส

ขณะที่ก้าวเท้าอย่างช้า ๆ ไปตามเสียงระฆังที่ดังก้อง จากห้องหนึ่ง ไปอีกห้องหนึ่ง ความโล่งภายในใจ เป็นคลื่นในมวลกายที่สงบนิ่ง ราวกับไม่เคยเจอพายุมาก่อน การได้ชมภาพเขียนอันงดงาม พร้อมฟังเสียงบรรยายจากหูฟัง เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ รู้สึกถึงพลังยินดีที่เต็มเปี่ยม เมื่อได้สัมผัสกับเรื่องราวในนิทรรศการ “การเดินทางของพระพุทธเจ้า” ที่ได้รับการออกแบบเป็นอุโมงค์เสมือนได้ย้อนเวลาไปยังสมัยพุทธกาล เมื่อ 2,500 ปีก่อน ที่นี่คือ “หอมนสิการ” ตั้งอยู่ที่ริมเขาพระพุทธบาทน้อย ต.สองคอน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี  แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ เกิดขึ้นตามดำริของ อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ประธานมูลนิธิโนอิ้ง บุดด้า เพื่อการปกป้องพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหอประดิษฐานพระพุทธรูปพระบรมโลกนาถ พระบรมสารีริกธาตุ ภาพปักพระบรมโลกนาถ นิทรรศการร่วมสมัย จำลองมรรคาและคำสอนของพระบรมศาสดา เพื่อการสืบสานธรรมและปกป้องพระเกียรติพระบรมศาสดาและปลุกจิตสำนึกที่ดีงามให้แก่ปวงชน การก่อสร้างตกแต่งและจัดทำนิทรรศการด้านในใช้เวลา 5 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30

ทะเลภาคตะวันออกช่วงปลอดมรสุมผืนน้ำสีฟ้าจะมีความหวานละมุน มองแล้วชื่นสายตา อีกทั้งยังไม่ต้องออกเรือไปไกล หากนั่งสปีดโบ๊ทจากท่าเรืออ่าวมะขามป้อม แหลมแม่พิมพ์ จะใช้ประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้นก็จะไปถึงหมู่เกาะมัน อันประกอบด้วยเกาะมันใน เป็นเกาะที่อยู่ใกล้ฝั่งที่สุด และมีขนาดใหญ่กว่ามันกลางและมันนอก ด้วยพื้นที่ 131 ไร่ เอกลักษณ์ที่สำคัญคือเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เกาะนี้ไม่มีที่พัก แต่สวยงามเหมาะกับการเที่ยวชม โดยเฉพาะช่วงที่มีทะเลแหวก ส่วนเกาะถัดไปคือ เกาะมันกลาง เกาะแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น ด้วยสภาพโขดหินที่กระจายตัวสลับกับชายหาดรอบเกาะ เกาะนี้มีที่พัก และมีทะเลแหวกน้อย ๆ เกาะถัดไปที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเกาะมัน  คือ เกาะมันนอก มีพื้นที่ประมาณ 95 ไร่ มีที่พัก 1 แห่ง ด้วยความไกลจากฝั่งมากขึ้น ก็ทำให้ทะเลมีสีเขียวอมฟ้า และมีชายหาดที่สะอาดตา สวยงามและเป็นส่วนตัวเฉพาะผู้เข้าพักเท่านั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน หมู่เกาะมัน จังหวัดระยอง ก็ยังคงเอกลักษณ์ของความเงียบสงบ ล่าสุดที่เกาะมันกลาง

จำนวนสัตว์ป่ากว่าพันชีวิต หากเปรียบเทียบกับเจ้าหน้าที่เพียง 19 คน ก็ถือว่าเป็นงานที่หนักพอดู แต่หากบอกว่าสัตว์เหล่านี้ล้วนมีปัญหา ไม่ว่าจะป่วย บาดเจ็บ พลัดพรากจากฝูง หรือเป็นของกลางจากการครอบครองอย่างผิดกฎหมาย อาจจะทำให้ภารกิจการดูแลสัตว์มีความยากขึ้นไปอีกขั้น นอกจากอุปสรรคในการพึ่งพาตัวเองแบบสัตว์ป่าแล้ว ยังมีปัญหาที่อาจจะตามมา เช่น พวกลิงทั้งหลาย ที่มาจากลพบุรี เจ้าพวกนี้แม้จะได้รับการดูแลรักษาจนหายดีแล้วก็ปล่อยกลับไปไม่ได้ เพราะอาจจะกลับไปป่วนผู้คนในเมืองตามที่มันคุ้นเคยมาก่อน ปัจจุบันลิงจึงเป็นสัตว์ที่มีจำนวนมากที่สุดในศูนย์ฯ  ประมาณ 700 กว่าตัวเลยทีเดียว สัตว์ที่เป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวก็คือ เสือโคร่ง ซึ่งมีอยู่ 7 ตัว เลี้ยงแบบแยกกรงขังเช่นเดียวกันหมี ซึ่งแต่ละกรงก็จะระบุชื่อเอาไว้  นอกจากนั้นก็มีกวาง นก นาก สุนัขจิ้งจอก ฯลฯ หากมองข้ามการดูแลรักษาไป ที่นี่ก็เหมือนสวนสัตว์ ทำให้มีผู้คนแวะเวียนเข้ามาเที่ยวชมอยู่เสมอ มาแล้วก็มักจะใช้โอกาสในการแบ่งปัน  เมตตาเพื่อนสัตว์โลกด้วยกัน ทั้งการบริจาคอาหารสัตว์ ทั้งพวกผัก ผลไม้ รวมทั้งเนื้อไก่สำหรับเสือ [gallery columns="2"

เรื่องยาก ๆ ต้องแก้ไขด้วยความเรียบง่าย น่าจะเป็นบทสรุปที่น่าฉุกคิด เกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่โลกเรากำลังเผชิญ แต่พอพูดถึงคำว่า “ภาวะโลกร้อน” หลายคนก็บอกว่าน่ากังวลนะ แต่จะทำยังไงกับมันดีล่ะ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคือหนทางของการคลี่คลายปัญหา แต่คำว่า “ปรับเปลี่ยน” ก็อาจจะดูยากไปสำหรับชีวิตมนุษย์ที่เดินทางผ่านโลกมาเพียงช่วงสั้น ๆ อีกทั้งหากการปรับเปลี่ยนนั้นดึงเอาความเคยชินไป การมีส่วนร่วมก็คงไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ มันอาจจะต้องใช้เวลาเหมือนการเยียวยาชนิดหนึ่ง ท่องเที่ยวยั่งยืน เศรษฐกิจดี โลกต้องดีด้วย การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกิจกรรมแห่งความสุข แต่ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการสื่อสารที่ทรงพลัง เพราะน้อยนักที่คนออกไปเที่ยวแล้วจะเก็บมันไว้คนเดียว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีนโยบายด้านการท่องเที่ยวยั่งยืน ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่มุ่งการเติบโตที่สมดุลทั้งเศรษฐกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ด้วยการประสาน 3 พลังของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว และสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้จะเป็นตัวกำหนดเทรนด์การท่องเที่ยวที่เข้มข้นขึ้น เพื่อตอบรับกับกระแสโลก ภายใต้วิกฤตทางธรรมชาติที่น่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ททท.ภูมิภาคภาคกลาง จัดกิจกรรมส่งเสริมท่องเที่ยวทางรถยนต์ BCG

การเปลี่ยนแปลงของอากาศ (Climate Change) น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หลังจากได้รับรู้ว่า ปีนี้แล้งเหลือเกิน แล้งจนน้ำตกที่เขาใหญ่แห้งหาย แต่ล่าสุดต้นไม้ใบหญ้าก็แตกกิ่งก้านใบ ทากก็เริ่มออกมาวาดลวยลาย ใครไปเดินป่าเขาใหญ่ตอนนี้ มั่นใจได้ว่าจะได้เจอ ไม่เฉพาะแต่ทากตัวน้อยเท่านั้น หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ “ชัยยา ห้วยหงส์ทอง” บอกว่า แม้ว่าหลายคนอยากจะสัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ  แต่จะอนุญาตให้กางเต้นท์เฉพาะบางจุด คือ ลานกางเต็นท์ลำตะคอง ซึ่งเป็นสนามหญ้าเปิดโล่งริมน้ำ มีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแล หากย้อนไปเหตุการณ์ในอดีต มีคนที่นอนในเต็นท์แล้วช้างมาตะกุยเต็นท์จนร่างของเขาตกลงมาเป็นที่น่าสลด แต่นี่คือกฎข้อสำคัญในการมาเที่ยวเขาใหญ่ นอกจากการห้ามให้อาหารสัตว์อย่างเด็ดขาดแล้ว ก็อย่าเก็บผลไม้ไว้ในรถหรือในเต็นท์ เพราะนั่นหมายถึงการเรียกช้างเข้ามาหา หัวหน้าชัยยา เล่าต่อว่า ช้างเป็นหนึ่งในเจ้าบ้านบนเขาใหญ่ พวกมันอยากจะเดินไปไหนเวลาไหนก็ได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะช่วงกลางคืน หากมาพักค้างแรมบนเขาใหญ่ จึงไม่ควรออกไปเดินเล่นในช่วงมืด ๆ หากอยากดูสัตว์ก็ใช้บริการรถของเจ้าหน้าที่พาออกไปส่องสัตว์ในตอนกลางคืนได้  ปกติแล้วช้างบนเขาใหญ่เขาน่ารัก แต่ถ้ามีเป้าหมายหรือเครียดก็ต้องถอยให้เป็น ค่อย ๆ ถอยให้ห่าง ถ้าต้องวิ่งหนีก็อย่าวิ่งเป็นเส้นตรง ต้องวิ่งวน ๆ จะวนรอบรถ

หลังจาก “แห้ว” มีชื่อเรียกใหม่ว่า “สมหวัง” ดูเหมือนว่าภาพรวมต่าง ๆ ก็ดูดีตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าแค่เปลี่ยนชื่อแล้วจะมีความเปลี่ยนแปลง เพราะแห้ว ก็ยังเป็นแห้ว เป็นพืชที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า มีประโยชน์มากแค่ไหน ทั้งตัวผู้กิน ผู้ปลูก และวันนี้แห้วก็เป็นหนึ่งในขบวนการกู้โลกไปแล้ว รู้จักแห้วสุพรรณ GI พื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแหล่งปลูกแห้วคุณภาพของที่ได้ชื่อว่า มีหัวโต เติบโตได้ดีในพื้นที่นา เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ มีไฟเบอร์สูง และแร่ธาตุต่าง ๆ เพราะปลูกในแหล่งที่ได้ชื่อว่ามีดิน ฟ้า อากาศ ที่เหมาะสำหรับการปลูกแห้ว เพียง 1 เดียวในเมืองไทย จนทำให้ “แห้วสุพรรณ” ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “สมหวังที่วังยาง” เป็นชื่อที่ทำให้หลายคนได้รู้จักเรื่องราวของแห้วมากขึ้น ทั้งจากการส่งเสริมและพัฒนา “แห้ว” ให้

ททท.ภาคกลาง ร่วมพันธมิตรเครือข่ายจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถยนต์ BCG Road Trip รักษ์โลกพลังงานใหม่  คาราวาน C2 Connect plus 2023' วันที่ 26-28 พ.ค. 2566  เส้นทาง กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี-เพชรบุรี-สมุทรสงคราม โดยมีพิธีปล่อยขบวน ณ บริเวณหน้าอาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานใหญ่ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ  นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมและปล่อยขบวนคาราวานส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถยนต์ BCG Road Trip ในรูปแบบรักษ์โลกพลังงานใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘คาราวาน C2 Connect Plus 2023’ เส้นทาง กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี-กาญจนบุรี-เพชรบุรี-สมุทรสงคราม

ย้อนไปไม่นานในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 หลายคนคงจำปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี เพราะเป็นช่วงที่เราต้องอยู่บ้านกันเป็นหลัก กิจกรรมสันทนาการที่พอจะทำได้ในเวลานั้น เกิดเป็นธุรกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะการขายอาหาร ซึ่งหลาย ๆ ร้านมีจุดเริ่มต้นจากช่วงเวลานั้น อีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างที่หลายคนหันมาสนใจ แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การเลี้ยงกระบองเพชร หรือ แคคตัส เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่บูมขึ้นมาอีกครั้งในช่วงโควิด [caption id="attachment_31214" align="aligncenter" width="800"] จากโรงเรือนเล็ก ๆ สู่นักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในวงการกระบองเพชร[/caption] สวนกระบองเพชรภูพินิจพงศ์ การ์เด้น อ.ด่านขุนทด โดย “เจษฎ์ ภูพินิจพงศ์” ที่เริ่มต้นจากคำถามและความสงสัย จนเริ่มศึกษาการเลี้ยงกระบองเพชรมาตั้งแต่ปี 2552 ค่อย ๆ พัฒนามาจากโรงเรือนขนาดเล็กแค่เมตรกว่า มาเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่นับ 10 โรงเรือน จากทำเป็นงานอดิเรกกลายเป็นงานประจำ ปัจจุบันถือเป็นแหล่งปลูกกระบองเพชรขนาดใหญ่ และสามารถดูแลพร้อมพัฒนาสายพันธุ์ มีกระบองเพชรจำหน่ายตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักหมื่น จำหน่ายในประเทศและการส่งออก ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่

เป็นอีกจังหวัดที่ไปเมื่อไหร่ก็เป็นอันตกหลุมรักเหมือนเพิ่งได้พบเจอเสมอ ด้วยวิถีแห่งผู้คนและธรรมชาติที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ งดงามและลงตัวในแบบฉบับของตัวเอง ทำให้ “ชัยภูมิ” เป็นหนึ่งในกลางใจ เดินทางไปคราใดก็ยังรู้สึกดี ๆ เสมอ ต้นเดือนพฤษภาคมประเทศไทยยังอยู่ในฤดูร้อน ช่วงเวลาที่หลายคนบอกว่าอยากนอนตากแอร์อยู่บ้านมากกว่าจะออกไปไหน แต่กลับกลายเป็นว่า ไปเที่ยวชัยภูมิในครั้งนี้ มีแต่เรื่องราวชื่นตาชื่นใจ เป็นน้ำเย็นที่ราดรดความรุ่มร้อนให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย รับพลังแห่งความชื่นบาน ทุ่งบัวแดง บึงละหาน รับพลังยามเช้าอันงดงามที่บึงละหาน ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ อันดับ 3 ของประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 18,000 ไร่ ครอบคลุมหลายตำบลในอำเภอจัตุรัส สะพานไม้ที่ทอดยาว 450 เมตร ถือเป็นแลนด์มาร์คของบึงละหาน ทุ่งบัวแดงที่บานสะพรั่งตั้งแต่ช่วงเช้าไปถึงยามสาย เป็นเวลาที่อันน่าชื่นตาชื่นใจ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการล่องเรือชมความงดงามในบึงกว้าง ทั้งในยามเช้าและยามเย็น โดยเฉพาะในเช้าตรู่ของแต่ละวัน นกนาชนิดต่างออกมาหากินในอยู่ในบึง ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยความอุดมสมบูรณ์ของบึงละหาน ก็ออกเรือมาหาสัตว์น้ำไปกินไปขาย

ต้นเดือนพฤษภายังคงอยู่ในหน้าร้อน แต่สำหรับพื้นที่สูงซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมอย่างหนาแน่น เมื่อตกกลางคืน เราสามารถนอนรับลมธรรมชาติในอุณภูมิที่เทียบเท่าการเปิดแอร์เลยก็ว่าได้ “ทุ่งกะมัง” อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีเนื้อที่ราว 5,000 ไร่ สภาพส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ เป็นเนินสูงต่ำลดหลั่นกันไป เราเดินทางมาถึงทุ่งกะมังในช่วงเย็น ได้พบกับ “ต้นเหมือด” ต้นเดิมที่ยังคงยืนต้นตระหง่าน กิ่งก้านใบของมันชูช่อเป็นพุ่มทรงกลม เนี้ยบ… ราวกับว่ามีใครมาแอบตัดแต่งให้เป็นรูปทรงอยู่เสมอ ทางเดินเล็ก ๆ ที่ลัดเลาะเข้าไป ยังถือเป็นภาพคลาสสิคประจำทุ่งที่ทุกคนจำได้ เย็นวันนี้เหล่าเก้ง กวางและเนื้อทราย ออกมาหากินอยู่ในบริเวณทุ่งหญ้าในแอ่งกระทะ ลักษณะคล้ายกะละมัง อันเป็นที่มาของชื่อ “ทุ่งกะมัง” พวกมันยังคงใช้ชีวิตอย่างอิสระ เดินเล่น เล็มหญ้า หาอาหาร โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่มองเข้ามา แต่ก็ทิ้งระยะห่างไว้ตามสัญชาตญาณ บ้างก็นั่งนิ่ง ได้แต่ใช้สายตาจดจ้องบรรดาผู้มาเยือนเอาไว้แบบไม่ลดละ ริ้วน้ำเคลื่อนไหวในแอ่งน้ำเล็ก ๆ กลางทุ่ง นับเป็นอีกความโชคดีที่วันนี้เราได้พบกับ “เป็ดก่า”

ธรรมชาติของดอกบัวจะเริ่มผลิบานตั้งแต่กลางดึก และจะสะพรั่งอย่างเต็มที่ตั้งแต่ช่วงเช้าไปถึงช่วงสาย แต่เราก็ไม่อาจตัดสินใจได้ว่าควรจะมาเที่ยวชมทุ่งบัวแดงบึงละหานในตอนไหน เพราะความเคลื่อนไหวของธรรมชาติ รวมทั้งวิถีของชาวบ้านในละแวก ไม่เคยหยุดนิ่ง ท่ามกลางความเงียบสงบของบึงขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ปริมาณพื้นที่กว่า 18,000 ไร่ สะพานไม้ที่ทอดยาวเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่ โดยคนในชุมชนได้บริจาคไม้ในการก่อสร้างสะพาน ประกอบกับไม้หมอนที่ได้จากทางรถไฟเก่าที่ทาง อบจ. ได้สรรหามาใช้ เกิดเป็นสะพานไม้ความยาว 450 เมตร สวยงาม ทรงมนต์ขลัง เป็นแลนด์มาร์คกลางทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย “ละหาน” แปลว่า “ห้วงน้ำ” บึงละหานตั้งอยู่ใน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ กินพื้นที่หลายตำบล ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ จึงเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้านมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการทำประมงน้ำจืด รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะกับการพักผ่อนตลอดทั้งวัน เช้าตรู่ที่บึงละหาน คือการรับพลังแห่งวันใหม่ จะชื่นชมแค่บริเวณริมบึง เดินเล่นบนสะพานไม้ หรือจะล่องเรือออกไปชมวิถีชีวิตของชาวประมงที่ตั้งตารอคอยด้วยความหวัง หลังจากที่วางเครื่องดักจับสัตว์น้ำไว้ทั้งคืน ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง คือช่วงเวลาที่แสงแรกเริ่มทอประกาย เรือลำน้อย

บึงละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เป็นบึงขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย มีพื้นที่รอบบึงกว้างกว่า 18,500 ไร่ และมีพันธุ์ปลานานาชนิดอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาตะเพียน ปลาตอง ปลาฉลาด ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาแรด ปลาเนื้ออ่อน ปลากราย ฯลฯ ชาวบ้านในบริเวณนี้จึงอาศัยบึงแห่งนี้ในการทำประมงน้ำจืด นอกจากปลาสด ๆ จากบึงแล้ว ที่บ้านดอนละนาม ต.ละหาน อ.จัตุรัส ยังมีภูมิปัญญาที่สืบสานกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย เป็นการแปรรูปสัตว์น้ำ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้รวมตัวกันเป็น “กลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำดอนละนาม” ผลิตสินค้าชุมชนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยภูมิ [caption id="attachment_31043" align="aligncenter" width="800"] แม่ประนอมโชว์ปลากรายตัวใหญ่[/caption] วันนี้เราได้เจอกับ แม่ประนอม-ประนอม นามนภาวรรณ ประธานกลุ่มฯ พร้อมปลาหลากหลายพันธุ์ ที่เตรียมสาธิตการแปรรูปปลาให้ทุกคนได้ชม และชิมเมนูเด็ดประจำถิ่น

ก่อนอื่นต้องบอกว่า “มโนราห์” “มโนรา” หรือ “โนรา” เขียนแบบไหนก็ไม่ถือว่าผิด อาจจะเรียกว่าเป็นชื่อทางการ กับชื่อที่ชาวบ้านเรียกขานกันก็ได้ หลายคนคงรู้จักมโนราห์เป็นอย่างดี เหมือนกับที่รู้จักฟ้อนของทางเหนือ เซิ้งของอีสาน หรือลำตัด ลิเกของภาคกลาง ซึ่งศิลปะแต่ละแขนงย่อมมีครูผู้ถ่ายทอดวิชา หากเป็นมโนราห์ ก็จะเคารพนับถือกันในนาม “ครูหมอโนรา” “ครูหมอโนรา” เป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่นภาคใต้ ที่สืบเชื้อสายมาจากมโนราห์หรือจะเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษของโนรา บางบ้านจึงเรียกว่า “ครูหมอตายาย” ความเชื่ออีกอย่างคือ โนราต้องมีผู้สืบทอด ในตระกูลหนึ่งก็จะมีผู้ที่รับหน้าที่นี้ไป ซึ่งส่วนใหญ่มโนราห์จะอยู่ในสายเลือด จะด้วยความคุ้นเคยหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าเป็นลูกหลานโนราแล้ว ต้องมีสักคนหนึ่งที่สามารถรำมโนราห์ได้โดยอัตโนมัติ หรือจะเรียนรู้ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ส่วนใหญ่ก็จะฝึกกันตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะการแสดงแขนงนี้จำเป็นต้องใช้ร่างกายที่มีความยืดหยุ่นสูง บ้านไหนมีเทริดที่รุ่นตารุ่นยายเคยสวมตอนแสดงมโนราห์ ก็จะนำมาวางบนหิ้ง เมื่อถึงเวลาก็จะมีพิธีไหว้ครูหมอโนรากัน จัดกันยิ่งใหญ่เหมือนงานมหรสพ มีพิธีต่าง ๆ รวมทั้งการแสดง เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำกันตลอดงาน “มโนราห์” เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้อันโดดเด่น เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก บรมครูโนราทางภาคใต้ที่มีชื่อเสียง

ชวนเที่ยวงานเทศกาลฤดูร้อน Nasatta Summer Flower Carnival ครั้งที่2 ที่ ณ สัทธา อุทยานไทย จังหวัดราชบุรี งานจัดแสดงประติมากรรมดอกไม้ประดิษฐ์สุดอลังการ โครงการ ณ สัทธา อุทยานไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ บริษัท ศิริเลิศ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดตัวการกลับมาเป็นปีที่2 ของงานเทศการฤดูร้อนสุดอลังการแห่งปี เริ่มวันที่ 12 เมษายน 2566 – 30 กรกฎาคม 2566 งานเทศกาลฤดูร้อน Nasatta Summer Flower Carnival ครั้งที่2 เนรมิตพื้นที่สวนป่ากว่า 30 ไร่

การเดินทางจากภูเก็ตมายังกระบี่ ต้องใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง แต่หากนั่งเรือขนาดใหญ่ อย่างเรืออ่าวนางปริ๊นเซส จะประหยัดเวลาได้ครึ่งหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลแรกที่ทำให้กระบี่กำลังจะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางเรือในอันดามัน ประกอบกับโครงการก่อสร้างและเชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางทางเรือมายังกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นการขยายเส้นทางเชื่อมโยงเส้นทางการเดินเรือเฟอรี่จากเกาะลังกาวี-เกาะหลีเป๊ะ มายังเกาะลันตา และการเปิดท่าเรือเฟอรี่ท่าเลน ก็จะทำให้ภาพของการเป็นฮับท่องเที่ยวทางเรือในทะเลอันดามัน มีความชัดเจนยิ่งขึ้น [caption id="attachment_30927" align="aligncenter" width="799"] บรรยากาศที่ท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา[/caption] นอกจากนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของเมืองไทยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักกันดี และแม้ว่าเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเช่นกัน แต่พวกเขาก็คุ้นเคยกับการลงเรือจากภูเก็ตมายังเกาะพีพีมากกว่า [gallery columns="2" size="full" ids="30926,30925"] เรืออ่าวนางปริ๊นเซส 9 เป็นเรือ 3 ชั้นขนาดใหญ่ที่เข้ามาเสริมทัพการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากภูเก็ตมายังกระบี่ โดยปัจจุบันเส้นทางเดินเรือระหว่างภูเก็ตมายังอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ จะแวะที่เกาะพีพีด้วย เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย นายสมชาย ชมภูน้อย

มนต์ขลังทางประวัติศาสตร์ คือความงดงามทางวัฒนธรรมที่สะท้อนภาพอดีตอันทรงคุณค่า เรื่องราวแต่ครั้งโบราณของเมืองไทยหลายต่อหลายอย่าง ถือเป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่หาชมได้ยาก หากมีโอกาสจึงอยากให้ทุกคนได้เห็นด้วยตาสักครั้ง เช่นเดียวกับทริปนี้ ที่จังหวัดลพบุรี  “หนึ่งเดียวที่ลพบุรี” อีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นำร่องคุณภาพสูง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหอการค้าไทย มุ่งมั่นผสานความร่วมมืออย่างเต็มกำลัง ภายใต้โครงการ “ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์สร้างสรรค์”เพื่อผลักดันให้รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เป็น Amazing Experience ที่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG และนำสู่ความยั่งยืน 1.มรดกทางวัฒนธรรม “ลุ่มน้ำป่าสัก” สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองละโว้  เริ่มต้นที่ “พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก” ตั้งอยู่ในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่กักเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งมีการขุดพบหลักฐานสำคัญในด้านโบราณคดี  ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองของชุมชนในบริเวณนี้ [caption id="attachment_30831" align="aligncenter" width="800"] ของว่างยามสาย เมี่ยงคำ และลูกหม่อนสด[/caption] [gallery columns="2" size="full"

สระแก้วเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในภาคตะวันออก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากพื้นที่ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นที่ราบและที่ราบสูง รายล้อมด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา จึงมีคนหลายเชื้อชาติ ทั้งเขมร ญวน (เวียดนาม​) และลาว เข้ามาอาศัยอยู่ เราได้เดินทางสู่จังหวัดสระแก้วเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ได้ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวอันหลากหลายแง่มุม ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม และนี่คือ 12 เรื่องราวที่ชวนมอง ในเมืองรองที่ไม่เป็นสองรองใครแห่งนี้ 1.กราบหลวงปู่บุดดา ชมโบสถ์มหาอุต วัดป่าใต้พัฒนาราม อยู่ใน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เป็นจุดแรกที่อยากแนะนำสำหรับการเริ่มต้นทริปเพื่อความเป็นสิริมงคล ชวนกันไปกราบไหว้ “หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร” พระเกจิอาวุโสที่มีความเมตตาธรรมบารมีสูงส่ง และมีชีวิตอยู่มาถึง 6 รัชกาล หรือ 6 แผ่นดิน มรณภาพเมื่อวันที่ 13

Amazing สระแก้ว 1 ปี มีเพียงครั้งเดียว ปรากฏการณ์แห่งความสุขแห่งรุ่งอรุณ "พระอาทิตย์ลอดซุ้มประตูปราสาทสด๊กก๊อกธม" นักท่องเที่ยวแห่ชมความงดงามอย่างคับคั่ง พร้อมร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์สืบชะตา เสริมสิริมงคล ประกาศพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เมื่อวันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 เวลา 06:00 น. เชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้เกียรติเป็นประธาน ร่วมด้วย วันดี เผื่อนอุดม อำนวยการท่องเที่ยวสำนักงานนครนายก นภสร พระยาลอ วัฒนธรรมจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสระแก้ว และประชาชน [gallery columns="2" size="full" ids="30714,30715"] [gallery columns="2" size="full" ids="30716,30717"] ในโอกาสนี้ได้เข้าร่วมการชมพระอาทิตย์ลอดซุ้มประตูปราสาทสด๊กก๊อกธม ทั้ง 5 บาน และพิธีสะเดาะเคราะห์สืบชะตา เพื่อความเป็นสิริมงคล