Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

นั่งรถไฟไปห่มหมอก กับ KIHA 183

อุณหภูมิเดือนเมษายน ทำเอาหลายคนแทบไม่อยากก้าวออกไปไหน แต่ถ้าจะเลือกเดินทางไป ที่เป็นเป้าหมายก็มักจะมุ่งหน้าลงทะเลหรือแหล่งที่มีธารน้ำไหลผ่าน

จะมีใครอยากขึ้นเขาหรือเข้าป่า เพราะส่วนใหญ่คิดว่า ต้องรอฝนฟ้ามาเติมความชุ่มเย็น หรือไม่ก็รอลมหนาวพัดมาเชื้อเชิญกันก่อน

เช้าตรู่ที่ป่าแก่งกระจาน ทำให้เราลืมไปเลยว่านี่คือหน้าร้อน เมื่อรถยนต์ 4WD ขับเคลื่อนเข้าไป ยิ่งไกล ยิ่งรับรู้ถึงความเย็นที่ค่อย ๆ แทรกซึมมากับสายลม

นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัสความสุขจากอุณหภูมิห้อง หัวใจจึงลิงโลด เรียกร้องให้เก็บเกี่ยวความทรงจำให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะมีเวลาที่จำกัดก็ตาม

เราเดินทางสู่จังหวัดเพชรบุรี กับทริปพิเศษที่จัดขึ้นโดย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเพชรบุรี และสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.)

ทริปพิเศษกับขบวนรถไฟ KIHA 183 “นั่ง 4WD ไปห่มหมอก เที่ยวป่าต้นน้ำเขาพะเนินทุ่ง” จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 20-21 เมษายน 2567 ทริปนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ร่วมเดินทางเต็มขบวนจำนวน 200 คน

ขบวน KIHA 183 เป็นรถไฟที่ได้รับมอบจากทางญี่ปุ่น เริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวเมื่อปลายปี 2565 จวบจนถึงปัจจุบัน มีผู้สนใจเข้าร่วมทริปเป็นจำนวนมาก และมีการกลับมาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จจากความร่วมมือในการผลักดันทางการท่องเที่ยวทางรถไฟ เชื่อมโยงกับการขนส่ง รวมทั้งบริการต่าง ๆ ของแต่ละพื้นที่

KIHA 183  “นั่ง 4WD ไปห่มหมอก เที่ยวป่าต้นน้ำเขาพะเนินทุ่ง” เริ่มต้นกันตั้งแต่เช้าตรู่ ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง และแวะจอดรับนักเดินทางที่สถานีบางซื่อ บางบำหรุ ตลิ่งชัน และศาลายา ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงก็ถึงเพชรบุรี

บรรยากาศในขบวน KIHA 183 เต็มไปด้วยความชื่นมื่น นอกจากหน้าตาภายนอกจะสวยงาม ภายในยังสะอาดสะอ้าน สะดวกสบาย มีระบบปรับอากาศ เบาะขนาดใหญ่ปรับเอนได้ ใครชอบนั่งรถไฟต้องถูกใจมาก ๆ

พระรามราชนิเวศน์

เมื่อมาถึงสถานีเพชรบุรี จุดแรกที่แวะไปเที่ยวชมคือ  “พระรามราชนิเวศน์” (วังบ้านปืน) เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมยุโรปสุดคลาสสิกอายุกว่า 100 ปี อันเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี

ตัวสถาปัตยกรรมมีความโดดเด่น งดงาม ภายใต้บรรยากาศสบาย ๆ รายล้อมด้วยร่มไม้ใหญ่ แม้ว่าแดดจะเริ่มทำงาน แต่ทุกคนก็ยังเบิกบาน หากเทียบกับกรุงเทพฯ ถือว่าเพชรบุรี ยังมีสภาพอากาศที่เป็นใจกว่ามาก

แกงคั่วหัวตาลหมูย่าง

เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร

เสน่ห์ด้านอาหารการกิน เป็นเอกลักษณ์ของชาวเพชรบุรี  ยูเนสโกจึงประกาศให้เพชรบุรีเป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร” โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีมีส่วนสำคัญในการร่วมพัฒนาและผลักดัน

เที่ยงวันนี้ทาง ม.ราชภัฏเพชรบุรี ได้จัดเตรียมคอร์สอาหารถิ่น ที่สะท้อนความสร้างสรรค์และการนำเสนอวัตถุดิบในพื้นที่ อาทิ  น้ำพริกปลาทู แกงคั่วหัวตาล ทอดมันปลา ฯลฯ ส่วนตัวชอบแกงคั่วหัวตาลมาก เพราะหากินยาก ทำก็ยาก รสชาติเผ็ดอ่อน ๆ ละมุนลิ้น มีกลิ่นหอม และไม่ได้หวานนำจนเลี่ยน

ของหวานเที่ยงนี้มี “ลอดช่อง” ที่ใช้น้ำตาลโตนด เสิร์ฟคู่กับ “ขนมไข่” รวมทั้ง “ชมพู่เพชรสายรุ้ง” สินค้า GI ที่หวานกรอบเป็นเอกลักษณ์ นักท่องเที่ยวได้ชิมแล้วต่างเรียกร้องขอสั่งจองกลับบ้านกันอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับสินค้าชุมชนที่นำมาวางขาย ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายจากนักท่องเที่ยวจนเกือบหมดแทบทุกร้าน

“แก่งกระจาน” บ้านของคนรักป่า

นับเป็นป่าใหญ่ที่ไม่ไกลจากเมืองกรุง สำหรับแก่งกระจาน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผืนป่ามรดกโลกลำดับที่ 3 ของประเทศไทย และยังเป็น “เมืองหลวงแห่งการดูนก”

เข้ามาที่ อช.แก่งกระจานเมื่อไหร่ก็ต้องพบกับบรรดาคนชุดลายพราง เดินแบกเลนส์ยาว ๆ ไปมา ส่วนของเขื่อนแก่งกระจานก็มักจะมีนักท่องเที่ยวมักเดินทางมาเที่ยวเขื่อน เล่นน้ำ ตั้งแคมป์ เรียกได้ว่าคึกคักแทบทั้งปี โดยเฉพาะหน้าร้อนนี้

จุดชมวิวอีกแห่งที่น่าสนใจคือ “สันเขื่อนแก่งกระจาน” ซึ่งมีฉากหลังเป็นแนวเทือกเขาตะนาวศรี เช้าและเย็นบรรยากาศดี ในแถบนี้มีที่พักให้เลือกเยอะมาก

วันนี้มีกิจกรรมดี ๆ จาก “เพลา เพลิน เดอะเจอร์นีย์” แหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติท่ามกลางผืนป่ามรดกโลก  นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรม DIY ทำยาหม่องสมุนไพร ภายใต้แนวคิด “เที่ยวอย่างมีความสุข สนุกกับการเรียนรู้”  หลังจากนั้นทุกคนก็รับประทานอาหารเย็นกันที่นี่ ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เช้า เรามีเป้าหมายสำคัญรออยู่

เช้านี้ที่แสนเพลิน เขาพะเนินทุ่ง

เราตื่นตั้งแต่ตีสามกว่า ๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนจะออกเดินทางไกลในเช้ามืด ราวตีสี่ครึ่ง รถ 4WDของชาวบ้านมารับตามนัดหมาย จากที่พักขับฝ่าความมืดไปยังตัวอุทยานฯ ก่อนจะไต่เขาสูงชัน มีหลายช่วงที่ค่อนข้างวิบาก จึงต้องใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น

สภาพอากาศในตอนเช้ามืดค่อนข้างเย็น เย็นจนแทบลืมไปว่านี้คือหน้าร้อน เสื้อแจ็คเก็ตกันลมตัวบาง ๆ เริ่มมีความหมาย

ยังไม่ถึงพะเนินทุ่ง แสงเช้าก็ออกมาทักทาย แต่ความขลุกขลักและแรงเหวี่ยง  ทำให้ไม่สามารถเก็บภาพใด ๆ ไว้ได้เลย เมื่อไปถึงจุดชมวิวเขาพะเนินทุ่ง กม.30 อากาศโปร่ง โล่ง สบายสุด ๆ เป็นเช้าแรกในเดือนเมษาที่น่าจดจำยิ่ง

ลานกว้างท่ามกลางป่าเขาขนาดใหญ่ มองเห็นกลุ่มหมอกจาง ๆ ลอยอยู่เป็นแพ เสียงนก เสียงค่าง ระงมอยู่ใกล้ ๆ เมื่อทอดสายตาออกไปไกล ๆ มีเจ้านกเงือกกลุ่มเล็ก ๆ โผบินไปมา

ได้แอบมองอยู่ห่าง ๆ ก็ช่างสุขใจ นี่คือภาพสะท้อนความสมบูรณ์ ที่เราไม่อยากให้จำกัดอยู่เพียงเท่านี้  น่าเสียดายว่า มนุษย์เราเดินทางมาไกล จนอาจจะเกินที่จะกลับไปแก้ไข

สีสันแห่งแก่งกระจาน ฤดูกาลแห่งผีเสื้อ

เหล่าสีสันปีกบางมาเกาะกลุ่มกันตามโป่งดินใกล้กับบ้านกร่างแคมป์ ช่วงขาลงจากเขาพะเนินทุ่ง เราจึงแวะทักทายเจ้าตัวน้อยที่กำลังเริงร่าอวดสายตานักเดินทาง เป็นฤดูกาลผีเสื้อแก่งกระจาน ในช่วงหน้าร้อนไปจนถึงพฤษภาคม

เสียดายที่เรามีเวลาไม่มากนัก จึงแวะชื่นชมเก็บเกี่ยวความงดงามได้เพียงครู่

ออกจากผืนป่าแก่งกระจานอย่างละห้อย อาจจะเพราะเรี่ยวแรงถดถอยจากการตื่นเช้า หรือไม่ก็คงเป็นเวทมนต์แห่งผืนป่าที่สะกดให้เราไม่อยากจากลาง่าย ๆ

เมื่อกลับมาถึงที่พัก อาบน้ำอาบท่า เก็บสัมภาระ พักผ่อนอีกหน่อย แล้วออกไปรับประทานอาหารเที่ยงที่  “ร้านอาหารชายหาด” ชมวิวเขื่อนแก่งกระจาน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนชายหาด รับประทานเมนูปลาเขื่อน  รวมทั้งวัตถุดิบจากป่าอย่างผักกูด

วัดเขาบันไดอิฐ

ก่อนจะขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯ แวะไปเสริมสิริมงคลกันที่ “วัดเขาบันไดอิฐ”  สร้างขึ้นเมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย สักการะสรีรสังขาร “หลวงพ่อแดง” เกจิอาจารย์ประจำจังหวัดเพชรบุรี  เที่ยวชมถ้ำพระเจ้าเสือ

ขึ้นไปกราบองค์พระขนาดใหญ่ “พระพุทธวชิรประธานพร” ชมวิวมุมกว้างบนยอดเขาบันไดอิฐที่มองเห็นเมืองเพชรบุรีได้อย่างเต็มสายตา ก่อนกลับแวะช้อปปิ้งกันที่ “บ้านขนมนันทวัน”

KIHA แล้วเราจะคิดถึงกันนะ

เวลา 18.20 น. ขบวนรถ KIHA 183 ออกจากสถานีเพชรบุรี ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นอันแสนสดชื่น มองออกไปเป็นวิวท้องทุ่งฉากหลังเป็นทิวเขาอยู่ไกล ๆ บ้างก็ผ่านตัวเมืองและชุมชน มองเพลินจนแสงสุดท้ายลับลา

ความสุขอีกอย่างในการเดินทาง คือการรับประทานอาหารบนรถไฟ ใครที่ชื่นชอบเหมือนกันน่าจะเข้าใจดี เมนูเย็นนี้เป็น “บะหมี่ปลา” จากร้านอัสมา เส้นเหนียวนุ่ม ใช้วัตถุดิบอย่างดี ทั้งปลาสดนำมาลวกและลูกชิ้นปลา กินกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม

แม้จะเหนื่อยล้ากันบ้าง แต่เหล่านักเดินทางผู้ร่วมทริปก็ยังจับกลุ่มสนทนากันเบา ๆ บ้างก็นัดแนะถึงทริปต่อไป แน่นอนว่าจะต้องไปกับ KIHA 183

เที่ยวป่าเที่ยวเขาในช่วงหน้าร้อนก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ นั่งรถไฟไปเที่ยวถือเป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ไม่รีบร้อน ไม่วุ่นวาย ชมวิวสบาย ๆ ตลอดเส้นทาง

หนังสือสักเล่ม หรือ Playlist ที่ชอบ ไม่ก็ทอดสายตาออกไปข้างทาง ให้เวลาเดินผ่านเราไปอย่างช้า ๆ….

 KIHA ชวนชิลกันต่อ พ.ค. – มิ.ย.

ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายนนี้ การรถไฟฯ เตรียมนำเสนอทริปพิเศษกับขบวนรถไฟ KIHA 183 จำนวน 14 ทริป 9 เส้นทาง ภายใต้คอนเซ็ป #ท่องไปตามสายลม ในเดือนพฤษภาคม และ #ฟ้าใสป่าโปร่งพฤกษานานาพรรณ ในเดือนมิถุนายน พาทุกท่านร่วมเดินทางไปในเส้นทาสายต่างๆ หลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งสายมู สายธรรมชาติ และสายช้อป ชิม ชิว ทั้งแบบไปเช้ากลับเย็น หรือแบบพักค้างคืน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตลอด 2 เดือนเต็ม

นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2567 เป็นต้นไป จำกัดจำนวน 202 ที่นั่งต่อทริปเท่านั้น ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคารวมค่าโดยสารรถไฟ ค่ารถบัสปรับอากาศ ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ พร้อมอาหารและเครื่องดื่มแบบจัดเต็มตลอดการเดินทาง รวมทั้ง ค่าประกันอุบัติเหตุ

จองตั๋วได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ และช่องทางการจำหน่ายตั๋วระบบออนไลน์ D – Ticket ของการรถไฟฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดตามรายละเอียดของโปรแกรมท่องเที่ยวได้ทาง Facebook: ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/pr.railway

Post a comment

nineteen − 1 =