Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

อัตลักษณ์กาแฟไทย พระเอกรสขมผู้ขี่ม้าขาว

วัฒนธรรมการดื่มกาแฟ เข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตคนไทยจนแทบจะขาดจากกันไม่ได้ ส่งผลให้ตลาดกาแฟกว่า 3 หมื่นล้านบาท ยังมีทิศทางการเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งยังสร้างกลุ่มสังคมคอกาแฟในหลากหลายพื้นที่ หากมองย้อนไปยังต้นทาง กาแฟเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของชุมชน เรื่องราวเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นมิติที่หลากหลายของกาแฟในประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่า เป็นพระเอกขี่ม้าขาวในยุคนี้

ล่าสุด สมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH) และเดอะคลาวด์ (readthecloud.co) ร่วมเชิดชู กาแฟไทย อนาคตไปไกล มุ่งเน้นการสื่อสารและพัฒนากระบวนการผลิตกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อยกระดับคุณภาพสู่ระดับสากล เชื่อมโยงอุตสาหกรรมเกษตร สู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

วัลลภ ปัสนานนท์

นายวัลลภ ปัสนานนท์ นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย ผู้ขับเคลื่อนวงการกาแฟไทย เปิดเผยว่า ทิศทางของ “กาแฟพิเศษ” กลายเป็นเทรนด์ที่สังคมกาแฟโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยคุณภาพ และเอกลักษณ์เมล็ดกาแฟไทยที่มีความโดดเด่น นับเป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้ธุรกิจกาแฟไทยก้าวหน้า ซึ่งจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ รวมถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ หากแต่วิกฤตครั้งนี้กลับสร้างโอกาสให้ชาวสวนกาแฟ โดยเฉพาะทางภาคเหนือที่มีแหล่งปลูกกาแฟมากที่สุดในประเทศไทย มีรายได้จากยอดขายเมล็ดกาแฟที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับยอดการส่งออกตลาดกาแฟของประเทศไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านการผลิต เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีการผลิตลดลง ซึ่งนี่เป็นโอกาสของเกษตรกรชาวสวนกาแฟ ที่จะได้เชิดชูกาแฟไทย ให้ดังไกลไปทั่วโลก

“กาแฟเปรียบเสมือนพระเอกขี่ม้าขาวในยุคนี้ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ทั้งในเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลประโยชน์ต่อผืนป่า และที่สำคัญช่วยเรื่องเศรษฐกิจในตอนนี้มาก ฉะนั้นคนที่ปลูกกาแฟต้องช่วยกันรักษาชื่อเสียง รักษาคุณภาพ พัฒนาสายพันธุ์กาแฟที่เป็นที่นิยมให้เพิ่มมากขึ้น เพราะการที่จะทำให้กาแฟไทยไปไกลกว่าที่เป็นอยู่นั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การลงเมล็ด เพาะต้นกล้า และดูแลต้นกาแฟอย่างพิถีพิถัน นั่นคือต้องรู้จักเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าท้องถิ่น เรียนรู้การทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ผมเชื่อว่าอนาคตอันใกล้นี้กาแฟไทย จะเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศและคุณค่าแก่สังคมไทยได้อย่างแน่นอน”

และนอกจากกาแฟจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปีแล้ว กาแฟยังเป็นโมเดลธุรกิจที่เพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนชาวบ้านในถิ่นที่ปลูกกาแฟ ทั้งการพัฒนาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ทางภาคเหนือ ที่มีแหล่งปลูกกาแฟมากที่สุดของประเทศไทย มีไร่กาแฟของชาวบ้านในหลายพื้นที่ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน

ลี อายุ จือปา เจ้าของกาแฟอ่าข่า

ต้นกาแฟที่ปลูกกลางป่า

ยกตัวอย่างที่ดอยช้าง, หมู่บ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย ตำบลป่าเมี่ยง, ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ล้วนเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับแหล่งปลูกกาแฟ ในหลายพื้นที่ของทางภาคเหนือ ทางสมาคมกาแฟพิเศษไทย ได้ร่วมส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกร และสนับสนุนในทุกๆ กระบวนการการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ตลอดจนจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านเกษตรกรมีองค์ความรู้ในการพัฒนากาแฟเพิ่มมากขึ้น เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเติบโตอย่างยั่งยืน ในงานมหกรรมกาแฟสุดยิ่งใหญ่ “Thailand Coffee Fest 2020” ก็เป็นอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ของการผลักดันวงการกาแฟไทย ทั้งประชาสัมพันธ์และส่งเสริมตลาดกาแฟสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยปีนี้ มีกำหนดจัดขึ้น ในวันที่ 1-4 ตุลาคม 2563 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 6-7 เมืองทองธานี ซึ่งภายในงานมีมาตรการคัดกรองตามมาตราการสุขอนามัยอย่างเต็มที่ ผู้เข้าร่วมงานจะได้เพลิดเพลินกับสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับกาแฟกว่า 200 ร้านค้า ครบจบงานนี้งานเดียว

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ThailandCoffeeFest

Post a comment

14 + seven =