Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

meetthinks

ย้อนไปไม่นานในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 หลายคนคงจำปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี เพราะเป็นช่วงที่เราต้องอยู่บ้านกันเป็นหลัก กิจกรรมสันทนาการที่พอจะทำได้ในเวลานั้น เกิดเป็นธุรกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะการขายอาหาร ซึ่งหลาย ๆ ร้านมีจุดเริ่มต้นจากช่วงเวลานั้น อีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างที่หลายคนหันมาสนใจ แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การเลี้ยงกระบองเพชร หรือ แคคตัส เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่บูมขึ้นมาอีกครั้งในช่วงโควิด [caption id="attachment_31214" align="aligncenter" width="800"] จากโรงเรือนเล็ก ๆ สู่นักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในวงการกระบองเพชร[/caption] สวนกระบองเพชรภูพินิจพงศ์ การ์เด้น อ.ด่านขุนทด โดย “เจษฎ์ ภูพินิจพงศ์” ที่เริ่มต้นจากคำถามและความสงสัย จนเริ่มศึกษาการเลี้ยงกระบองเพชรมาตั้งแต่ปี 2552 ค่อย ๆ พัฒนามาจากโรงเรือนขนาดเล็กแค่เมตรกว่า มาเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่นับ 10 โรงเรือน จากทำเป็นงานอดิเรกกลายเป็นงานประจำ ปัจจุบันถือเป็นแหล่งปลูกกระบองเพชรขนาดใหญ่ และสามารถดูแลพร้อมพัฒนาสายพันธุ์ มีกระบองเพชรจำหน่ายตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักหมื่น จำหน่ายในประเทศและการส่งออก ที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่

เป็นอีกจังหวัดที่ไปเมื่อไหร่ก็เป็นอันตกหลุมรักเหมือนเพิ่งได้พบเจอเสมอ ด้วยวิถีแห่งผู้คนและธรรมชาติที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ งดงามและลงตัวในแบบฉบับของตัวเอง ทำให้ “ชัยภูมิ” เป็นหนึ่งในกลางใจ เดินทางไปคราใดก็ยังรู้สึกดี ๆ เสมอ ต้นเดือนพฤษภาคมประเทศไทยยังอยู่ในฤดูร้อน ช่วงเวลาที่หลายคนบอกว่าอยากนอนตากแอร์อยู่บ้านมากกว่าจะออกไปไหน แต่กลับกลายเป็นว่า ไปเที่ยวชัยภูมิในครั้งนี้ มีแต่เรื่องราวชื่นตาชื่นใจ เป็นน้ำเย็นที่ราดรดความรุ่มร้อนให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย รับพลังแห่งความชื่นบาน ทุ่งบัวแดง บึงละหาน รับพลังยามเช้าอันงดงามที่บึงละหาน ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ อันดับ 3 ของประเทศไทย มีพื้นที่กว่า 18,000 ไร่ ครอบคลุมหลายตำบลในอำเภอจัตุรัส สะพานไม้ที่ทอดยาว 450 เมตร ถือเป็นแลนด์มาร์คของบึงละหาน ทุ่งบัวแดงที่บานสะพรั่งตั้งแต่ช่วงเช้าไปถึงยามสาย เป็นเวลาที่อันน่าชื่นตาชื่นใจ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการล่องเรือชมความงดงามในบึงกว้าง ทั้งในยามเช้าและยามเย็น โดยเฉพาะในเช้าตรู่ของแต่ละวัน นกนาชนิดต่างออกมาหากินในอยู่ในบึง ขณะที่ชาวบ้านที่อาศัยความอุดมสมบูรณ์ของบึงละหาน ก็ออกเรือมาหาสัตว์น้ำไปกินไปขาย

ต้นเดือนพฤษภายังคงอยู่ในหน้าร้อน แต่สำหรับพื้นที่สูงซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมอย่างหนาแน่น เมื่อตกกลางคืน เราสามารถนอนรับลมธรรมชาติในอุณภูมิที่เทียบเท่าการเปิดแอร์เลยก็ว่าได้ “ทุ่งกะมัง” อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีเนื้อที่ราว 5,000 ไร่ สภาพส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ เป็นเนินสูงต่ำลดหลั่นกันไป เราเดินทางมาถึงทุ่งกะมังในช่วงเย็น ได้พบกับ “ต้นเหมือด” ต้นเดิมที่ยังคงยืนต้นตระหง่าน กิ่งก้านใบของมันชูช่อเป็นพุ่มทรงกลม เนี้ยบ… ราวกับว่ามีใครมาแอบตัดแต่งให้เป็นรูปทรงอยู่เสมอ ทางเดินเล็ก ๆ ที่ลัดเลาะเข้าไป ยังถือเป็นภาพคลาสสิคประจำทุ่งที่ทุกคนจำได้ เย็นวันนี้เหล่าเก้ง กวางและเนื้อทราย ออกมาหากินอยู่ในบริเวณทุ่งหญ้าในแอ่งกระทะ ลักษณะคล้ายกะละมัง อันเป็นที่มาของชื่อ “ทุ่งกะมัง” พวกมันยังคงใช้ชีวิตอย่างอิสระ เดินเล่น เล็มหญ้า หาอาหาร โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่มองเข้ามา แต่ก็ทิ้งระยะห่างไว้ตามสัญชาตญาณ บ้างก็นั่งนิ่ง ได้แต่ใช้สายตาจดจ้องบรรดาผู้มาเยือนเอาไว้แบบไม่ลดละ ริ้วน้ำเคลื่อนไหวในแอ่งน้ำเล็ก ๆ กลางทุ่ง นับเป็นอีกความโชคดีที่วันนี้เราได้พบกับ “เป็ดก่า”

ธรรมชาติของดอกบัวจะเริ่มผลิบานตั้งแต่กลางดึก และจะสะพรั่งอย่างเต็มที่ตั้งแต่ช่วงเช้าไปถึงช่วงสาย แต่เราก็ไม่อาจตัดสินใจได้ว่าควรจะมาเที่ยวชมทุ่งบัวแดงบึงละหานในตอนไหน เพราะความเคลื่อนไหวของธรรมชาติ รวมทั้งวิถีของชาวบ้านในละแวก ไม่เคยหยุดนิ่ง ท่ามกลางความเงียบสงบของบึงขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ปริมาณพื้นที่กว่า 18,000 ไร่ สะพานไม้ที่ทอดยาวเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่ โดยคนในชุมชนได้บริจาคไม้ในการก่อสร้างสะพาน ประกอบกับไม้หมอนที่ได้จากทางรถไฟเก่าที่ทาง อบจ. ได้สรรหามาใช้ เกิดเป็นสะพานไม้ความยาว 450 เมตร สวยงาม ทรงมนต์ขลัง เป็นแลนด์มาร์คกลางทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย “ละหาน” แปลว่า “ห้วงน้ำ” บึงละหานตั้งอยู่ใน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ กินพื้นที่หลายตำบล ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ จึงเป็นแหล่งทำมาหากินของชาวบ้านมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการทำประมงน้ำจืด รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะกับการพักผ่อนตลอดทั้งวัน เช้าตรู่ที่บึงละหาน คือการรับพลังแห่งวันใหม่ จะชื่นชมแค่บริเวณริมบึง เดินเล่นบนสะพานไม้ หรือจะล่องเรือออกไปชมวิถีชีวิตของชาวประมงที่ตั้งตารอคอยด้วยความหวัง หลังจากที่วางเครื่องดักจับสัตว์น้ำไว้ทั้งคืน ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง คือช่วงเวลาที่แสงแรกเริ่มทอประกาย เรือลำน้อย

บึงละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เป็นบึงขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย มีพื้นที่รอบบึงกว้างกว่า 18,500 ไร่ และมีพันธุ์ปลานานาชนิดอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาตะเพียน ปลาตอง ปลาฉลาด ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาแรด ปลาเนื้ออ่อน ปลากราย ฯลฯ ชาวบ้านในบริเวณนี้จึงอาศัยบึงแห่งนี้ในการทำประมงน้ำจืด นอกจากปลาสด ๆ จากบึงแล้ว ที่บ้านดอนละนาม ต.ละหาน อ.จัตุรัส ยังมีภูมิปัญญาที่สืบสานกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย เป็นการแปรรูปสัตว์น้ำ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้รวมตัวกันเป็น “กลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำดอนละนาม” ผลิตสินค้าชุมชนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยภูมิ [caption id="attachment_31043" align="aligncenter" width="800"] แม่ประนอมโชว์ปลากรายตัวใหญ่[/caption] วันนี้เราได้เจอกับ แม่ประนอม-ประนอม นามนภาวรรณ ประธานกลุ่มฯ พร้อมปลาหลากหลายพันธุ์ ที่เตรียมสาธิตการแปรรูปปลาให้ทุกคนได้ชม และชิมเมนูเด็ดประจำถิ่น

หมิว สิริลภัส เปลี่ยนที่ทำงานจากการออกกองถ่าย เป็นลงพื้นที่หาเสียงแบบลูกทุ่ง ไม่เน้นยุทธวิธี ไม่มียุทธศาสตร์ มีเพียงทีมตัวจี๊ด และความหวังที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน เพื่อจะนำเอาคำพูดของพวกเขาเข้าไปพูดในสภา จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ขณะเป็นดารา นักแสดง ทำให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าทัน ไม่เท่ากัน ทำให้อยากปรับโครงสร้างของสังคม เปลี่ยนนักการเมืองเป็นผู้รับใช้ของประชาชน อย่างแท้จริง ด้วยความเชื่อมั่นว่า ทุกคนมีส่วนร่วมได้ ขอเพียงให้เริ่ม

ก่อนอื่นต้องบอกว่า “มโนราห์” “มโนรา” หรือ “โนรา” เขียนแบบไหนก็ไม่ถือว่าผิด อาจจะเรียกว่าเป็นชื่อทางการ กับชื่อที่ชาวบ้านเรียกขานกันก็ได้ หลายคนคงรู้จักมโนราห์เป็นอย่างดี เหมือนกับที่รู้จักฟ้อนของทางเหนือ เซิ้งของอีสาน หรือลำตัด ลิเกของภาคกลาง ซึ่งศิลปะแต่ละแขนงย่อมมีครูผู้ถ่ายทอดวิชา หากเป็นมโนราห์ ก็จะเคารพนับถือกันในนาม “ครูหมอโนรา” “ครูหมอโนรา” เป็นความเชื่อของคนในท้องถิ่นภาคใต้ ที่สืบเชื้อสายมาจากมโนราห์หรือจะเรียกว่าเป็นบรรพบุรุษของโนรา บางบ้านจึงเรียกว่า “ครูหมอตายาย” ความเชื่ออีกอย่างคือ โนราต้องมีผู้สืบทอด ในตระกูลหนึ่งก็จะมีผู้ที่รับหน้าที่นี้ไป ซึ่งส่วนใหญ่มโนราห์จะอยู่ในสายเลือด จะด้วยความคุ้นเคยหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าเป็นลูกหลานโนราแล้ว ต้องมีสักคนหนึ่งที่สามารถรำมโนราห์ได้โดยอัตโนมัติ หรือจะเรียนรู้ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ส่วนใหญ่ก็จะฝึกกันตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะการแสดงแขนงนี้จำเป็นต้องใช้ร่างกายที่มีความยืดหยุ่นสูง บ้านไหนมีเทริดที่รุ่นตารุ่นยายเคยสวมตอนแสดงมโนราห์ ก็จะนำมาวางบนหิ้ง เมื่อถึงเวลาก็จะมีพิธีไหว้ครูหมอโนรากัน จัดกันยิ่งใหญ่เหมือนงานมหรสพ มีพิธีต่าง ๆ รวมทั้งการแสดง เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำกันตลอดงาน “มโนราห์” เป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้อันโดดเด่น เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากยูเนสโก บรมครูโนราทางภาคใต้ที่มีชื่อเสียง

ชวนเที่ยวงานเทศกาลฤดูร้อน Nasatta Summer Flower Carnival ครั้งที่2 ที่ ณ สัทธา อุทยานไทย จังหวัดราชบุรี งานจัดแสดงประติมากรรมดอกไม้ประดิษฐ์สุดอลังการ โครงการ ณ สัทธา อุทยานไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ บริษัท ศิริเลิศ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดตัวการกลับมาเป็นปีที่2 ของงานเทศการฤดูร้อนสุดอลังการแห่งปี เริ่มวันที่ 12 เมษายน 2566 – 30 กรกฎาคม 2566 งานเทศกาลฤดูร้อน Nasatta Summer Flower Carnival ครั้งที่2 เนรมิตพื้นที่สวนป่ากว่า 30 ไร่

การเดินทางจากภูเก็ตมายังกระบี่ ต้องใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง แต่หากนั่งเรือขนาดใหญ่ อย่างเรืออ่าวนางปริ๊นเซส จะประหยัดเวลาได้ครึ่งหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลแรกที่ทำให้กระบี่กำลังจะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางเรือในอันดามัน ประกอบกับโครงการก่อสร้างและเชื่อมโยงเส้นทางการเดินทางทางเรือมายังกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นการขยายเส้นทางเชื่อมโยงเส้นทางการเดินเรือเฟอรี่จากเกาะลังกาวี-เกาะหลีเป๊ะ มายังเกาะลันตา และการเปิดท่าเรือเฟอรี่ท่าเลน ก็จะทำให้ภาพของการเป็นฮับท่องเที่ยวทางเรือในทะเลอันดามัน มีความชัดเจนยิ่งขึ้น [caption id="attachment_30927" align="aligncenter" width="799"] บรรยากาศที่ท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา[/caption] นอกจากนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า ภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของเมืองไทยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักกันดี และแม้ว่าเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเช่นกัน แต่พวกเขาก็คุ้นเคยกับการลงเรือจากภูเก็ตมายังเกาะพีพีมากกว่า [gallery columns="2" size="full" ids="30926,30925"] เรืออ่าวนางปริ๊นเซส 9 เป็นเรือ 3 ชั้นขนาดใหญ่ที่เข้ามาเสริมทัพการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากภูเก็ตมายังกระบี่ โดยปัจจุบันเส้นทางเดินเรือระหว่างภูเก็ตมายังอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ จะแวะที่เกาะพีพีด้วย เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย นายสมชาย ชมภูน้อย

คอลัมน์ เซาะร่องเสียง โดย นกป่า อุษาคเณย์ มีภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ และวรรณกรรมมากมายที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม แต่บทเพลงหนึ่งซึ่งหลายคนอาจยังไม่ทราบ และอาจไม่เชื่อว่า ว่าแท้จริงแล้ว เนื้อเพลงที่แสนสวยงามของบทเพลงนั้น คือบทเพลงต่อต้านสงครามเวียดนาม เรากำลังพูดถึง What a Wonderful World https://www.youtube.com/watch?v=rBrd_3VMC3c I see trees of green หมู่ไม้เขียวขจี Red roses too ดอกกุหลาบแดง I see them bloom บานสะพรั่งงามตา For me and you ธรรมชาติมอบให้เรา And I think to myself ฉันรำพึงกับตัวเอง What a wonderful world โลกช่างแสนงดงาม I see skies of blue ท้องฟ้าใสกระจ่าง And clouds

มนต์ขลังทางประวัติศาสตร์ คือความงดงามทางวัฒนธรรมที่สะท้อนภาพอดีตอันทรงคุณค่า เรื่องราวแต่ครั้งโบราณของเมืองไทยหลายต่อหลายอย่าง ถือเป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่หาชมได้ยาก หากมีโอกาสจึงอยากให้ทุกคนได้เห็นด้วยตาสักครั้ง เช่นเดียวกับทริปนี้ ที่จังหวัดลพบุรี  “หนึ่งเดียวที่ลพบุรี” อีกหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นำร่องคุณภาพสูง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหอการค้าไทย มุ่งมั่นผสานความร่วมมืออย่างเต็มกำลัง ภายใต้โครงการ “ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์สร้างสรรค์”เพื่อผลักดันให้รูปแบบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เป็น Amazing Experience ที่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG และนำสู่ความยั่งยืน 1.มรดกทางวัฒนธรรม “ลุ่มน้ำป่าสัก” สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวเส้นทางประวัติศาสตร์เมืองละโว้  เริ่มต้นที่ “พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก” ตั้งอยู่ในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่กักเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งมีการขุดพบหลักฐานสำคัญในด้านโบราณคดี  ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองของชุมชนในบริเวณนี้ [caption id="attachment_30831" align="aligncenter" width="800"] ของว่างยามสาย เมี่ยงคำ และลูกหม่อนสด[/caption] [gallery columns="2" size="full"

สระแก้วเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในภาคตะวันออก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากพื้นที่ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นที่ราบและที่ราบสูง รายล้อมด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่ เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา จึงมีคนหลายเชื้อชาติ ทั้งเขมร ญวน (เวียดนาม​) และลาว เข้ามาอาศัยอยู่ เราได้เดินทางสู่จังหวัดสระแก้วเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ได้ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวอันหลากหลายแง่มุม ทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม และนี่คือ 12 เรื่องราวที่ชวนมอง ในเมืองรองที่ไม่เป็นสองรองใครแห่งนี้ 1.กราบหลวงปู่บุดดา ชมโบสถ์มหาอุต วัดป่าใต้พัฒนาราม อยู่ใน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เป็นจุดแรกที่อยากแนะนำสำหรับการเริ่มต้นทริปเพื่อความเป็นสิริมงคล ชวนกันไปกราบไหว้ “หลวงปู่บุดดา ปัญญาธโร” พระเกจิอาวุโสที่มีความเมตตาธรรมบารมีสูงส่ง และมีชีวิตอยู่มาถึง 6 รัชกาล หรือ 6 แผ่นดิน มรณภาพเมื่อวันที่ 13

“eeebooking.com” (อีบุ๊คกิ้ง ดอทคอม) แพลตฟอร์มการจองสัญชาติไทยที่ ง่าย ครบ จบทุกการจองสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวไทยตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยขั้นตอนการจองบริการต่าง ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนและสะดวกต่อการเข้าใช้บริการตอบไลฟสไตล์ของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติในยุคดิจิทัล ภาณุเมศวร์ เศรษฐสิริสุนทร (อี้) ตำแหน่ง Executive Chairman เปิดเผยว่า กว่า 2 ปี ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวไทยและทั่วโลกต้องประสบกับวิกฤตการที่จำเป็นต้องหยุดทุกอย่างเพื่อควบคุมโลกระบาด ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น เฉลี่ย 5-10 นาทีต่อครั้งต่อคน เพื่อค้นหาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการ ในส่วนของการท่องเที่ยวเองก็เป็นเรื่องที่มีคนพูดถึงอย่างมากเรื่องการค้นหาสถานที่ต่าง ๆ และเมื่อคลายล็อคดาวน์แล้ว สถานการณ์ต่าง ๆ กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ประเทศไทยเองก็เพิ่งได้ฉลองนักท่องเที่ยว 10 ล้านคนแรกไปเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา และจากสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า

Amazing สระแก้ว 1 ปี มีเพียงครั้งเดียว ปรากฏการณ์แห่งความสุขแห่งรุ่งอรุณ "พระอาทิตย์ลอดซุ้มประตูปราสาทสด๊กก๊อกธม" นักท่องเที่ยวแห่ชมความงดงามอย่างคับคั่ง พร้อมร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์สืบชะตา เสริมสิริมงคล ประกาศพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เมื่อวันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 เวลา 06:00 น. เชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้เกียรติเป็นประธาน ร่วมด้วย วันดี เผื่อนอุดม อำนวยการท่องเที่ยวสำนักงานนครนายก นภสร พระยาลอ วัฒนธรรมจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสระแก้ว และประชาชน [gallery columns="2" size="full" ids="30714,30715"] [gallery columns="2" size="full" ids="30716,30717"] ในโอกาสนี้ได้เข้าร่วมการชมพระอาทิตย์ลอดซุ้มประตูปราสาทสด๊กก๊อกธม ทั้ง 5 บาน และพิธีสะเดาะเคราะห์สืบชะตา เพื่อความเป็นสิริมงคล

สานสัมพันธ์ไทย-กานา กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐกานา ประจำประเทศไทย จัดการประชุม ผู้ประกอบการไทย -กานา เจรจาจับคู่ธุรกิจการค้า บุกเบิกการค้าแอฟริกา ย้ำไทยได้ประโยชน์แลกเปลี่ยนการค้าด้านเกษตร เดินหน้าหนุนกานาปลูกข้าวป้อนการบริโภคในประเทศ แจงไม่กระทบต่อข้าวสายพันธุ์ไทย คาดไทยส่งออกมูลค่ากว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ดร.สิชา สิงห์สมบุญ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐกานาประจำประเทศไทย  พร้อมด้วย นาย เยา ฟริมพง อัดโด ( H.E. Mr. Addo Yaw Frimpong )รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอาหารและเกษตรแห่งสาธารณรัฐกานา นางฟลอเรนซ์ บัวร์คิอโคนอร์ (H.E. Mrs. Florence Buerki Akonor ) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐกานาประจำประเทศมาเลเซีย  ดร.โจเซฟ เซียว อาชพง ประธานบริษัท โจสพง กรุ๊ป ออฟ คอมปานีส์ สาธารณรัฐกานา นางแอเดอเลด อราบา

หน่อไม้ไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง เป็นแหล่งโปรตีนที่มีรสชาติละมุน แถมยังแคลอรี่ต่ำ อีกทั้งยังเป็นอาหารปลอดภัยจากสารตกค้างต่าง ๆ เมนู “ข้าวซอยไก่หน่อไผ่บงหวาน” หนึ่งในเซ็ตเมนู “กระซิบรัก ฮักน่าน” จากทีม wow wow wow จังหวัดน่าน เป็นทีมที่ชนะใจกรรมการ โดยได้รับรางวัล Rising Star Chef Amazing Taste Great Story โดยการนำวัตถุดิบอันทรีย์ในท้องถิ่นมารังสรรค์เมนูน่ากินพร้อมเรื่องราวที่น่าสนใจ นอกจากนั้นยังมีเมนูจากความตั้งใจจากอีกหลายพื้นที่ อาทิ เยลลี่เลมอน จากเชียงใหม่ น้ำพริกหน่อกระวาน จากจันทบุรี เมนูจากดอกกุหลาบบิชอป จากเชียงราย ฯลฯ อาหารคือวัฒนธรรมที่ครบรส วัตถุดิบอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะวิถีชีวิตดั้งเดิมของผู้คน ก่อนที่อุตสาหกรรมการเกษตรจะเข้ามาถึง ผักริมรั้ว แปลงสวนครัวหลังบ้าน หรือผผลผลิตจากผืนป่า ล้วนมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์

ความหวังของผู้คน เกี่ยวข้องอะไรกับการเลือกเครื่องประดับ เมื่อวิกฤตโรคระบาดผ่านพ้นไป หลากชีวิตต่างเคลื่อนไหว ผู้คนออกเดินทางพร้อมความหวังที่เจิดจ้า เปรียบเสมือนเครื่องประดับที่ส่องประกายระยิบระยับ เปล่งประกายแห่งแสงสู่วันที่ดีกว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จนมาถึงการเปิดประเทศ อุตสาหกรรมนี้ก็กลับมาส่องประกายเจิดจ้าอีกครั้ง ผู้คนหันมาเดินทางและออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะงานเลี้ยงสังสรรค์ที่กลับคืนสู่ปกติ  แน่นอนว่าพวกเขาต้องการแต่งตัวแบบจัดเต็มให้สมกับที่รอคอย เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ที่กลับมาเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2565 มีมูลค่าส่งออกเทียบเท่ากับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 เรื่องราวเหล่านี้ เป็นที่มาของโครงการ GIT’s World Jewelry Design Awards 2023 การประกวดออกแบบเครื่องประดับภายใต้หัวข้อ “Glitter & Gold – The Brilliant way of Gold Shine” เครื่องประดับที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีทองอร่ามกับประกายระยิบระยับของอัญมณีหลากชนิดที่ผสมผสานเข้ากันจนเป็นงานสร้างสรรค์ที่ลงตัว 17 ปีกับเวทีอันเฉิดฉาย สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ

คอลัมน์ เซาะร่องเสียง โดย นกป่า อุษาคเณย์ นอกจากตัว Content ที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้แล้ว ระบบบันทึกเสียงและคุณภาพแผ่น CD เหมือนนั่งฟังสด ๆ ในห้องอัด เป็นงานที่หยิบมาฟังบ่อย และซื้อซ้ำมากที่สุดชุดหนึ่ง ผมกำลังพูดถึง Kind of Blue อัลบั้ม Modal Jazz ของ Miles Davis อัลบั้มนี้ออกวางจำหน่ายทั่วโลกเมื่อปลายเดือนเมษายนปี ค.ศ. 1959 ประกอบไปด้วยเพลงจำนวน 6 Tracks ถือเป็น “อัลบั้มสามัญประจำบ้าน” การเดิน Double Bass และ Piano Chord ที่ฟังง่าย และเพลิดเพลินยิ่งนัก https://www.youtube.com/watch?v=kgRcCyey1hM กระทั่งใครที่ไม่พิศวาส Jazz เอาเสียเลยก็ยังฟังได้ และไม่มีข้อโต้แย้ง อย่างไรก็ดี

เคยได้ยินคนกรุงเก่าเล่าว่า สมัยก่อนเรือเป็นพาหนะหลักของคนอยุธยา เวลาล่องสวนกันก็จะพอมีเวลาทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันได้ เป็นชีวิตแบบช้า ๆ เนิบ ๆ ลมพัดโชย เย็นสบาย ฟังแล้วก็อยากจะย้อนไปดูให้เห็นกับตา ปัจจุบันการสัญจรทางน้ำของชาวอยุธยาก็ยังพอมีเรือพื้นบ้านให้เห็นอยู่บ้าง  แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรือแบบใช้เครื่องยนต์ที่วิ่งไวกว่า เป็น “วิถีชาวน้ำแห่งอยุธยา” ที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ก็ไม่ทิ้งรากเหง้าอันแข็งแกร่ง ที่คนกับสายน้ำยังคงผูกพันธ์กันเช่นเดิม อยุธยาในวันนี้ยังมีกลิ่นอายของวันวานให้ชวนกันไปชื่นชมเสมอ  เชื่อแน่ว่าเมื่อนึกถึงการไหว้พระเสริมสิริมงคล เราจะนึกถึงอยุธยา เช่นเดียวกับที่นึกว่า อยากถ่ายรูปย้อนยุค  อยากย้อนประวัติศาสตร์ อยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือ อยากกินโรตีสายไหม อยากกินกุ้งแม่น้ำ อยากกินอาหารไทยโบราณ ฯลฯ เราก็จะนึกถึงอยุธยา ไม่นานมานี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหอการค้าไทย จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเส้นทางประวัติศาสตร์  สัมผัสเส้นทางวิถีแห่งสายน้ำ ณ พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 25 - 26

มาร์ส เพ็ทแคร์ เปิด “APAC Pet Center” ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยและในเอเชียแปซิกฟิก ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนานวัตกรรมและยกระดับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงด้วยมาตรฐานวิจัยในระดับสากล ดร.จารึก ศรีเกียรติเด่น ผู้อำนวยการด้านวิจัยและพัฒนา ประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า APAC Pet Center เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงแห่งแรกของมาร์สในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงในรูปแบบอัตโนมัติแห่งแรกของประเทศไทย ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานของสถาบันวิจัยอาหารสัตว์เลี้ยงระดับสากล โดยมีพื้นที่รวม 3,630 ตร.ม. ตั้งอยู่ที่บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด อ. พานทอง จังหวัดชลบุรี ศูนย์วิจัยแห่งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงในระดับภูมิภาค โดยให้บริการทดสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทมาร์สจากประเทศต่างๆ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์