Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

ช่วงเวลาดี ๆ ที่กรุงเก่า กับ 9  วิถีชาวน้ำแห่งอยุธยา

เคยได้ยินคนกรุงเก่าเล่าว่า สมัยก่อนเรือเป็นพาหนะหลักของคนอยุธยา เวลาล่องสวนกันก็จะพอมีเวลาทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันได้ เป็นชีวิตแบบช้า ๆ เนิบ ๆ ลมพัดโชย เย็นสบาย ฟังแล้วก็อยากจะย้อนไปดูให้เห็นกับตา

ปัจจุบันการสัญจรทางน้ำของชาวอยุธยาก็ยังพอมีเรือพื้นบ้านให้เห็นอยู่บ้าง  แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรือแบบใช้เครื่องยนต์ที่วิ่งไวกว่า เป็น “วิถีชาวน้ำแห่งอยุธยา” ที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ก็ไม่ทิ้งรากเหง้าอันแข็งแกร่ง ที่คนกับสายน้ำยังคงผูกพันธ์กันเช่นเดิม

อยุธยาในวันนี้ยังมีกลิ่นอายของวันวานให้ชวนกันไปชื่นชมเสมอ  เชื่อแน่ว่าเมื่อนึกถึงการไหว้พระเสริมสิริมงคล เราจะนึกถึงอยุธยา เช่นเดียวกับที่นึกว่า อยากถ่ายรูปย้อนยุค  อยากย้อนประวัติศาสตร์ อยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือ อยากกินโรตีสายไหม อยากกินกุ้งแม่น้ำ อยากกินอาหารไทยโบราณ ฯลฯ เราก็จะนึกถึงอยุธยา

ไม่นานมานี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหอการค้าไทย จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเส้นทางประวัติศาสตร์  สัมผัสเส้นทางวิถีแห่งสายน้ำ ณ พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 25 – 26 กุมภาพันธ์ 2566

พร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปด้วยกันได้เลย

1.วัดพิชัยสงคราม

เมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นปักหลักกันที่ “วัดพิชัยสงคราม” อ.พระนครศรีอยุธยาจ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ เมื่อเดินเข้ามาก็จะได้ยินเสียงหวูดรถไฟดังขึ้นเป็นช่วง ๆ

“วัดพิชัยสงคราม” เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.1900 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก จุดที่เราจะเริ่มต้นล่องเรือกันวันนี้ และเพื่อความเป็นสิริมงคล ทุกคนได้เข้าไปกราบหลวงพ่อใหญ่หรือพระพุทธพิชัยนิมิตร พระประธานในพระอุโบสถ จากนั้นก็เตรียมตัวลงเรือ ซึ่งเป็นเรือยนต์ขนาดกลาง ที่มีดาดฟ้าเล็ก ๆ ให้ขึ้นไปชมวิว

2.ล่องป่าสักไปนครหลวง

ระหว่างเส้นทางการล่องเรือ เราจะได้พบกับวิถีริมน้ำที่สอดประสานวันวานและปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน บรรดาวัดวาอารามทั้งเก่าใหม่ บ้านเรือนผู้คนตามยุคสมัย ผสมผสานกันไปท่ามกลางสายน้ำที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

การล่องเรืออาจจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมง จึงมีของว่างเป็นขนมไทยที่มีความสวยงามละเมียดมะไม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำสมุนไพรหอมชื่นใจ

วัดใหม่ประชุมพล

วัดใหม่ประชุมพล

เราล่องกันไปจนถึงอำเภอนครหลวง ผ่านท่าเรือลากจูงขนาดใหญ่ ก่อนจะขึ้นที่ท่าวัดใหม่ประชุมพล ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แวะชมความงามของภาพเขียนฝาผนังในวิหารโบราณ เป็นภาพเทพชุมนุมวิทยาธรที่มีความงดงามมาก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อทรงธรรมอันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาเนิ่นนาน

3.บ้านอยุธยารมณ์

เมื่ออยากกินอาหารไทยโบราณที่มีความพิถีพิถันเป็นเลิศ และขอเป็นร้านริมน้ำที่มีบรรยากาศดี ๆ ด้วย มื้อเที่ยงของวันนี้จึงมุ่งไปที่ “บ้านอยุธยารมณ์” อ.พระนครศรีอยุธยา  โดย “สันติ เศวตวิมล” หรือ “แม่ช้อยนางรำ” งดงามตั้งแต่ประตูทางเข้าและส่วนของกลุ่มบ้านไทยโบราณที่แสดงเอกลักษณ์ของชาวกรุงเก่าได้เป็นอย่างดี

อาหารวันนี้เรียงรายมาในแนวไทย ๆ แต่เป็นไทยที่ถึงรสถึงชาติ แต่ละเมนูดึงความโดดเด่นของวัตถุดิบออกมาได้ดีมาก แกงส้มคือแกงส้ม มีความเผ็ด เค็ม เปรี้ยว หวาน แต่กลมกล่อม น้ำพริกลงเรือรสเข้มข้น วุ้นเส้นผัดไข่และดอกขจร ฯลฯ ไม่ว่าจะตักจานไหน ก็ไม่ผิดหวัง

ยามเย็นไปถึงค่ำ เหมาะมากกับการมานั่งชมวิวริมแม่น้ำ ฝั่งตรงข้ามของร้านยังเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย ให้อารมณ์ย้อนยุคได้ดีจริง ๆ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการบูรณะ)

4.ปราสาทนครหลวง

อีกจุดสำคัญริมแม่น้ำป่าสัก ในเขต อ.นครหลวง ก็คือ “ปราสาทนครหลวง” สร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง เดิมเป็นตำหนักที่ประทับของกษัตริย์ในระหว่างเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี และเป็นที่ประทับแรมในระหว่างเสด็จไปลพบุรี มีรูปแบบศิลปะไทยผสมผสานกับศิลปะขอม มีความงดงามเข้มขลังทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

ตัวปราสาทจะแบ่งเป็นชั้น ๆ ชั้นในด้านบนสุดมีมณฑปอยู่ตรงกลาง ประดิษฐาน “พุทธบาทสี่รอย” เป็นพระพุทธบาทซ้อนกันสี่รอยบุ๋มลึกลงไปในเนื้อหิน โดยรอยใหญ่ที่สุดกว้างประมาณ 2.50 เมตร ยาว 5.50 เมตร มาแล้วก็ไม่พลาดที่จะสักการะขอพรกันเพื่อความเป็นสิริมงคล ด้านหน้าตัวปราสาทยังเป็นที่ตั้งของ “ตำหนักนครหลวง” ปัจจุบันบริเวณฝั่งตรงข้ามจัดให้เป็นตลาดโบราณริมน้ำ

5.เครื่องทองโบราณ พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา เป็นอีกจุดที่ควรค่ากับการเข้าชมเป็นอย่างมาก ที่นี่คือสถานที่เก็บรักษา จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบจากกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ รวมถึงโบราณวัตถุที่พบในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ตั้งชื่อตามพระนามสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ผู้ทรงสร้างพระปรางค์วัดราชบูรณะ

ภายในมี “อาคารเครื่องทองอยุธยา” จัดแสดงเครื่องทองโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยามากถึง 2,244 รายการ ที่ขุดพบจากกรุวัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ  (กรุหลวงพระงั่ว) รวมทั้งกรุวัดพระราม (กรุพระราเมศวร) วัดพระศรีสรรเพชญ์  และเจดีย์ศรีสุริโยทัย ล้วนมีความประณีต งดงาม ทรงคุณค่า เหมาะกับการเรียนรู้ความเป็นมาทางศิลปะและประวัติศาสตร์  ถือเป็นการจัดแสดงเครื่องทองโบราณที่งดงามอลังการที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในเมืองไทย

6.ชิลดี ดนตรีเพราะ ณ ป้อมเพชร

ป้อมเพชร เป็นป้อมที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมืองอยุธยา เป็นอีกจุดชมวิวกลางกรุงเก่าที่มีความร่มรื่นสวยงาม และเพื่อเป็นการเสริมบรรยากาศยามบ่ายให้รื่นรมย์ยิ่งขึ้น ทริปนี้มีกิจกรรม “ชมวังฟังดนตรีและการบรรเลงเพลงเก่า” จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

ฟังเพลงเพราะ ๆ ชมวิวริมน้ำยามลมพัดโชย พร้อมของว่างไทย ๆ สไตล์อยุธยา จิบน้ำสมุนไพรชื่นใจ เป็นยามบ่ายที่สุขกายสบายใจอีกวันหนึ่ง

7. พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน

มาอยุธยาคราวหน้าย้ำว่าห้ามพลาด เพราะนี่คือสถานที่อันน่าอัศจรรย์ทางด้านงานช่างฝีมือและศิลปะไทย อันเป็นผลงานประณีตศิลป์ชั้นสูง

พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน  อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จัดแสดงนิทรรศการงานฝีมือช่างของสถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรดา และผลงานศิลปหัตถกรรมของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (การเดินชมภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ)

ด้านหน้ามีร้านกาแฟ Museum in the Forest และร้านขนมหวานจากวิทยาลัยในวังหญิง รายล้อมด้วยทัศนยภาพอันงดงาม ช่วงนี้ดอกไม้นานาชนิดกำลังบาน เป็นที่น่าชื่นใจ

อีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของ “อาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน” เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวของศิลปะการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ และผลงานสร้างสรรค์งานศิลปะต่อเนื่อง ตลอดจนจัดเก็บฉากและนำอุปกรณ์ประกอบฉากที่โดดเด่นจำนวนมากที่เคยปรากฏโฉมบนเวทีแสดงตอนต่าง ๆ มาแล้ว อาทิ หนุมานอมพลับพลาในการแสดงตอน ศึกไมยราพ, เรือสำเภาหลวงในการแสดงตอน พิเภกสวามิภักดิ์ รวมถึงประติมากรรมร่างหนุมานขนาด 15 เมตร และประติมากรรมร่างนางผีเสื้อสมุทรขนาดใหญ่ เป็นต้น

8.วิวดี อาหารเด็ด บ้านป้อมเพชร

ที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านกุ้งเผา คาเฟ่ และที่พัก เพราะพรั่งพร้อมด้วยทุกสิ่งที่ว่ามานี้ แถมยังมีทำเลริมแม่น้ำในโซนเมืองเก่าใกล้กับป้อมเพชร ถูกออกแบบด้วยอิฐสีส้ม มีความโดดเด่นมาก ส่วนอาหารการกินก็ครบเครื่อง โดยเฉพาะ “กุ้งแม่น้ำเผา” และอาหารไทยอีกหลายรายการ

9.หมู่บ้านญี่ปุ่น

มาเยือนเมื่อไหร่ก็สุขใจทุกครั้ง สำหรับ “หมู่บ้านญี่ปุ่น” อ.พระนครศรีอยุธยา  ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านของชาวญี่ปุ่นที่เคยอาศัยในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากตอนนั้นชาวญี่ปุ่นได้เข้ามาทำการค้าขายในเมืองไทย ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว  และอนุสรณ์สถานระหว่างไทย-ญี่ปุ่น

ภายในหมู่บ้านญี่ปุ่น มีนิทรรศการและมัลติมีเดีย “ยามาดะ นางามาสะ” และ “ท้าวทองกีบม้า” บุคคลสำคัญชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทในราชสำนักอยุธยา มีการจัดสวนแบบญี่ปุ่น ศาลเจ้า และเสาโทริอิแบบญี่ปุ่น ฯลฯ

ใครไปเยือนหมู่บ้านญี่ปุ่นในช่วงนี้ จะได้ฟีลที่ใกล้เคียงญี่ปุ่นขึ้นไปอีกหน่อย แม้เมืองไทยจะอากาศร้อน แต่ด้วยที่ตั้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีสภาพเงียบสงบ โล่ง โปร่ง สบาย การจัดสวนและนิทรรศการแบบเรียบง่าย แต่ก็ไม่ทิ้งความตะมุตะมิอีกทั้งบรรดาดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังเบ่งบาน ยิ่งเพิ่มบรรยากาศแห่งความสุขได้เป็นอย่างดี

วันนี้ที่หมู่บ้านญี่ปุ่น มีเสิร์ฟน้ำมะพร้าว และขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ซึ่ง “ท้าวทองกีบม้า” ได้ชื่อว่ามีฝีมือในการทำขนมไทยที่ผสามผสานสไตล์โปรตุเกสเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

สมัยก่อน หมู่บ้านญี่ปุ่น จะตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับหมู่บ้านโปรตุเกส ด้านข้างก็ติดกับหมู่บ้านหมู่บ้านอังกฤษและหมู่บ้านดัตช์ จึงไม่แปลกที่เรื่องราวต่าง ๆ จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นความสัมพันธ์ของคนไทยและคนจากหลายเชื้อชาติ จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

ททท. คาดว่ารูปแบบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นี้จะสามารถส่งเสริมวิถีชีวิตชุมชน อาหาร การแต่งกายสถาปัตยกรรม เทศกาลงานประเพณี ตลาดการค้าท้องถิ่น ตลอดจนพัฒนาผู้ประกอบการในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวได้ต่อไป

ใครที่อยากสัมผัสหลากมิติอัน ตาม “วิถีชาวน้ำอยุธยา” งดงาม ที่มีทั้งความเก๋า และ เก๋ ในเวลาเดียวกัน ทริปหน้าเตรียมออกเดินทางได้เลย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา (พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี)

โทร.035 246 076

https://www.facebook.com/TAT.Ayutthaya/

 

Post a comment

one × five =