มาหานคร เล ว่า เขา?

 “เขา”  นอกจากจะเป็นชื่อเรียกสรรพนามบุรุษที่ 3 “เขา” ทางภาคใต้ ยังหมายถึง “ภูเขา” 

ในดินแดนแห่ง “เขา ป่า นา เล” ของเมืองนคร ฝั่งหนึ่งก็คือความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาที่งดงามอลังการ

โดยวันนี้ เราได้เดินทางไปที่ อ.นบพิตำ ที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อกันมากนัก

แต่บอกเลยว่า ระวังจะตกหลุมรักได้ง่ายๆ

ที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ มีจุดชมทะเลหมอกยามเช้าอันแสนสดชื่นและสวยงามไม่แพ้ที่ไหน 3 จุด ในทริปนี้เราได้แทรกตัวลงในที่พักท่ามกลางขุนเขา แล้วก็ต้องตัดบทในเช้ามืด สะบัดผ้าห่มอุ่นๆ มาพร้อมความงัวเงีย มุ่งไปคลอเคลียไอหมอกที่  “จุดชมทะเลหมอกเขาเหล็ก”

เช้าที่ยังมืดมาก ราวตีห้ากว่าๆ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรในเบื้องแรกที่มาถึง จากบริเวณจุดจอดรถ ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวก็เดินไปถึงจุดชมวิว “ทะเลหมอกเขาเหล็ก” ซึ่งมีชื่อเรียกตามความเป็นมาในอดีต โดยพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเหมืองแร่เหล็กมาก่อนที่จะปิดตัวลงในปี พ.ศ. 2512 เขาเหล็กเป็นภูเขาที่มีความสูงประมาณ 330 เมตร และมีทะเลหมอกให้ชมเกือบตลอดทั้งปี บริเวณด้านบน มีลานกว้างให้เดินเล่นบนแนวหน้าผาเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันไป

สภาพอากาศบนภูเขา ไม่หนาวเย็นมาก  แต่ก็รับรู้ถึงความสดชื่น ด้วยพืชพรรณที่ชูดอกออกใบอวดสีสันเป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่มากนัก ทำให้ความชิลล์โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับส่วนตัวมากๆ

 เมื่อแสงแห่งวันสาดมา เรามองเห็นหมู่บ้านด้านล่าง รวมทั้ง “วัดภูเขาเหล็ก” ที่ชาวบ้านเรียกสั้นๆ ว่า “วัดเขาเหล็ก” ซึ่งในยามสายเราก็ได้มีโอกาสไปเยือน

“วัดภูเขาเหล็ก” ตั้งอยู่ใน หมู่ 2 บ้านเขาเหล็ก อ.นบพิตำ ที่มองเห็นไกลๆ จากจุดชมวิวคือ  พระอุโบสถที่มีความสวยงามมาก ทาด้วยสีขาวทั้งหลัง มีพญานาคสีทองอร่ามอยู่ระหว่างทางเข้าอุโบสถ  ภายในวัดยังมีเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ ประดิษฐานอยู่กลางน้ำนับเป็นวัดที่งดงามและเงียบสงบ ด้วยความร่มรื่น ร่มเย็น เหมาะแก่การไปเที่ยวชมหรือการปฏิบัติธรรม

และ “เขา” ก็ยังมีดีมากกว่านี้

เพราะไม่ไกลจากกัน ใน อ.นบพิตำ ยังมี “ชุมชนบ้านหมอนมด” ซึ่งมีคลองหมอนมดแยกมาจากลำน้ำกลาย แรกที่ไปถึงยังไม่ตะลึงอะไรมาก แต่พอเดินผ่านทางเข้าบ้านสู่ด้านหลัง (หรืออาจจะเรียกว่าหน้าบ้าน) เหมือนเปิดประตูเจอห้องมืดๆ   ก่อนจะมีแสงไฟสว่างพร้อมเสียง “เซอร์ไพรส์” อะไรจะสุดยอดวิวเช่นนี้

“ชุมชนบ้านหมอนมด” เป็นชุมชนเข้มแข็งที่รวมตัวกันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย เพื่อนำผักและผลไม้มาแปรรูปให้เกิดประโยชน์ เช่น การทำสบู่ถ่านไม้ไผ่ สบู่ผักเขลียง สบู่กล้วยหอมรวมทั้งการทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ เช่น มังคุด ต้นกระพ้อ และ ใบเขลียง (หรือใบเหลียง)  เกิดเป็นเอกลักษณ์อันสวยงาม

วันนี้ครูแหม่ม ศิริรัตน์ พุมดวง  ประธานวิสาหกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย โชว์ฝีมือการมัดย้อมพร้อมสอนให้ทุกคนได้ร่วมสนุก เป็นของที่ระลึกกลับบ้าน

ที่นี่ยังมีบริการโฮมสเตย์ ที่เห็นแล้วว่าเท่ไม่เหมือนที่ไหน เปิดประตูออกมาก็เจอวิวหลักล้าน อลังการขุนเขาและสายน้ำ เหมาะกับการแวะมาดื่มพลังธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง

เที่ยงวันนี้ยังมีเมนูท้องถิ่นอร่อยๆ อย่าง “ขนมจีน” มาให้เลือกลิ้มลอง พร้อมด้วยสารพัดผักพื้นบ้าน ที่ถูกอกถูกใจทุกคน เพราะมีน้ำยาให้เลือกถึง 4 ชนิด คือ น้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำแกงไตปลา และ น้ำยาพริก มาพร้อมเครื่องเคียงอีกเพียบ ทั้งไข่ต้ม และ ไก่ทอด

ครบรสชาติแห่งพงไพร จนลำเอียงหัวใจมาทาง “เขา” แล้วนะ “เล” ถึงตอนนี้ ยังคงลังเล ทั้งเล ทั้ง เขา จึงขอรวมเป็น “เรา” ให้หมดเรื่องหมดราว  มาเยือนเมืองคอน จะนอนเขานอนเล ก็เท่ไม่เหมือนใคร

เชื่อเถอะ ว่ามาหาเขา ก็ต้องคิดถึงเล

ไปซบอกเล ก็ยังพะวงถึงเขา แน่นอน!

• “เลว่าเขา” เป็นประโยคคำถามสั้นๆ แบบคำพูดของคนใต้ ที่มาจากประโยคคำถามที่ว่า “ทะเลหรือภูเขา”
• ติดตามคำถามแห่งความดงามของเมืองคอนกันต่อในตอน มาหานคร เขาว่าเล ในลิงก์นี้ https://www.meetthinks.com/maha-nakhon2/)
• ขอขอบคุณ โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “กรุงเทพ-มาหา-นคร” จากความตั้งใจของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มุ่งหวังให้คนเมือง มาเยือนเมืองคอน เพื่อสัมผัสถึงความสุขทั้งกายและใจ จากธรรมะและธรรมชาติ
• รายละเอียดการติดต่อท่องเที่ยวชุมชน วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย อ.นบพิตำ  ครูแหม่ม โทร.08-4746-7733