
Covid-19 กับการเดินทาง อันแสนอ้างว้าง
ช่วงที่เพลง “หนีห่าง” ของ “เขียนไขและวานิช” ตรึงอยู่ในสมอง
แอปฯฮิตทางโซเชียล กลายเป็นเพื่อนผู้สร้างรอยยิ้ม แต่หลายคนก็ยังนำเพลงนี้ มาประกอบคลิป เพื่อบรรยายถึงบรรยากาศแห่งความเงียบเหงา เวิ้งว้าง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19
จำได้ว่าทริปสุดท้ายก่อนมาตรการล็อกดาวน์ คือ “ชะอำ-หัวหิน” ซึ่งช่วงนั้นเริ่มมีข่าวการแพร่ระบาดแล้ว
เรา 6 คน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว 2 คัน คันหนึ่งคือพี่น้องร่วมงานที่สนิทสนมกันกันจำนวน 3 คน อีกคันหนึ่ง เป็นครอบครัว “อุชิจิม่า” โดย “พี่ปู” รุ่นพี่ผู้หญิงไทยที่คุ้นเคยกันในสายงาน ซึ่งถือโอกาสชวนสามีชาวญี่ปุ่น (ทำงานในเมืองไทย) และลูกชาย ไปพักผ่อนด้วยกัน
บรรยากาศของหัวหินในวันอันเงียบเหงา มีเราอยู่ในความทรงจำอันแสนสุข
ก่อนที่ข่าวโควิด-19 จะกลืนเราหายไปจากทุก ๆ สิ่ง
17 มีนาคม รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ เกือบทุกคนต้องหยุดอยู่บ้าน ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ห้างร้านถูกปิดกิจการ
25 มีนาคม ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร
2 มีนาคม ประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้าน หลัง 22.00-04.00 น.
จากความเคร่งครัดในมาตรการต่าง ๆ ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง จนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง วันที่ 3 พ.ค. จึงมีมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ลงบางส่วน ขณะที่สายการบินในประเทศเริ่มเปิดให้บินได้ในบางเส้นทาง
เช้าตรู่ของวันที่ 3 พ.ค. ครอบครัว “อุชิจิม่า” ต้องสูญเสีย “พี่ปู” อันเป็นที่รักของทุกคน หลังจากเธอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3 เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตอนที่เดินทางไปเที่ยวหัวหิน…เรายังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ดูเธอก็ยังแข็งแรง และมีกำลังใจมาก อาจจะมากกว่าคนปกติอย่างเราด้วยซ้ำ แถมหลังจากนั้น เธอยังมีแผนเดินทางไปร่วมงานรับปริญญาของลูกสาวที่ญี่ปุ่น แต่สุดท้ายก็มาติดด่านโควิดเสียก่อน
3 วันของการจัดพิธีศพแบบไทย จนถึง 5 พฤษภาคม เพื่อนฝูงต่างมาอยู่เคียงข้าง “พี่ปู” เป็นวาระสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ ลูกชายก็ได้กลับญี่ปุ่นไปแล้ว ส่วนลูกสาวก็ไม่ได้สามารถเดินทางข้ามประเทศได้เช่นกัน มีเพียง “ซาโตชิ” สามีผู้เข้มแข็ง น้องชายของพี่ปูที่ยังสามารถเดินทางข้ามจังหวัดมาได้ และทางชมรม “เว็บคลับไทยแลนด์” ช่วยกันดูแลการจัดงานให้ผ่านไปอย่างราบรื่น
ด้วยภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่นที่พอจะสื่อสารกับเราได้ ซาโตชิเล่าว่า เขาเก็บ Voice Massage ที่ภรรยาเคยส่งความคิดถึงมาให้ เปิดนอนฟังทุกคืน…
ขอนางฟ้าผู้อารีย์ตั้งแต่ยังมีชีวิต จงโบยบินสู่ดินแดนอันเป็นนิรันดร์….
และการเดินทางของเราก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง นับเป็นทริปแรกหลังการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์…
7 พฤษภาคม ช่วงบ่าย ณ สนามบินดอนเมือง เป้าหมายอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ความเงียบเหงาของสนามบินที่เพิ่งเปิดใช้งานอีกครั้ง และมีเพียงเครื่องบินไม่กี่ลำจอดอรับผู้โดยสาร ในช่วงนี้จังหวัดที่เปิดให้เดินทางเข้าได้แล้ว มีเที่ยวบินเพียงวันละ 1 เที่ยว ไป-กลับ
มาตรการคุมเข้มจากดอนเมือง เริ่มจากประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสาร ด้วยกล้องตรวจจับอุณหภูมิ ระยะห่างในวันนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เพราะจำนวนคนน้อยมาก ทุกอย่างให้บริการได้ในเวลาในรวดเร็ว แม้แต่ช่องตรวจสัมภาระที่เคยเข้าคิวกันนาน วันนี้ตรวจบัตรผู้โดยสารแล้ว ก็เข้าไปตรวจสัมภาระได้ทันที
ร้านรวงภายในเริ่มเปิดเพียงบางร้าน ร้านอาหารเป็นสิ่งที่หายาก ต้องเดินหาตามทางออกขึ้นเครื่องว่ามีร้านใดเปิดบ้าง
ทางสายการบินจะประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องทีละโซนอย่างเคร่งครัด เพื่อเว้นระยะห่างกัน บนห้องผู้โดยสารก็มีการเว้นที่นั่งเบาะกลางทั้งสองฝั่งไว้ แต่วันนั้นจำนวนผู้โดยสารยังคงบางตา สายการบินไม่มีการเสริฟน้ำและอาหาร และดูเหมือนว่าทุกคนจะเลือกหลับตาโดยไม่ลุกไปไหน และยังคงสวมหน้ากากไว้ตั้งแต่เดินทางมาถึงสนามบิน
เมื่อถึงสนามบินปลายทาง ขั้นตอนการคัดกรองก็จะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด สำหรับนครศรีธรรมราช ไม่มีมาตรการให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากกรุงเทพหรือพื้นที่เสี่ยงต้องกักตัว 14 วัน ไม่ต้องขอใบอนุญาตหรือใบรับรองแพทย์ใดๆ มาถึงก็รอเข้าคิว เพื่อบันทึกข้อมูลส่วนตัวลงในแอปพลิเคชั่น DDC Care ซึ่งจะมีรายงานสุขภาพให้กรอก ใครที่ไม่สะดวกแบบนี้ สามารกกรอกเอกสารในกระดาษที่เตรียมไว้ได้ ใช้เวลาราว 15 นาที ทุกคนก็รีบปรี่จากสนามบินโดยไม่มีคำว่าโอ้เอ้
บรรยากาศเวิ้งว้างในวันนั้น ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ บนฟ้าที่กว้างไกล ไม่อาจรู้ได้ว่า ยังมีผู้ใดเดินทางอยู่บ้าง แต่ในความคำนึง พี่น้องยังคงมองเห็นนางฟ้าล่องลอยอยู่บนสวรรค์
……
ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช
11 พฤษภาคม ช่วงบ่าย เสียงร่ำไห้โฮของหญิงสาวสูงวัยกระชากบาดใจของคนรอบข้าง นับเป็นครั้งแรกที่สามีต้องออกจากบ้านไปเพียงลำพัง หลังจากป่วยด้วยโรคประจำตัวอยู่นาน เป็นความเศร้าโศกตามผูกพัน แม้จะรู้ดีว่าวันนี้จะต้องมาถึง
ภาพเมื่อ 13 ปีที่แล้วย้อนมา ในวันที่หัวใจของลูกเคยหลุดลอยและเปล่งเสียงร่ำไห้ในใจไม่แพ้กัน เป็นวันที่ “พ่อ” ได้ออกเดินทางไกลไปนานแล้ว พ่อเป็นน้องชายที่ไม่เคยแยกจากกับลุง คนที่เราได้มาส่งในครั้งสุดท้ายในวันนี้ ไม่รู้ว่า การเดินทางของลุงในครั้งนี้ จะได้พบเจอกับน้องชายที่ออกทางไปก่อนหน้าหรือไม่
13 พฤษภาคม สนามบินนครศรีธรรมราช เริ่มมองเห็นความหนาแน่นของผู้คนขึ้นมาบ้าง อาจจะเพราะเป็นสนามบินขนาดเล็ก แต่กฎระเบียบต่างๆ ยังคงเคร่งครัด
เย็นย่ำของวันที่ 13 พฤษภา กับการเหยียบย่างเข้าสู่สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง
เราเดินไปอย่างช้าๆ เหมือนคนเลื่อนลอย
ความเงียบเหงาเหมือนตัวเห็บตัวไร กระโดดเข้ามาเกาะก่ายตลอดทาง
เพลง “หนีห่าง” ก้องกังวาลอีกครั้ง
แด่…ลุงเอก และ พี่ปู