Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

อรุษ นวราช Tag

 “จะรู้ได้อย่างไรว่าสวนนี้เป็นลำไยอินทรีย์” “อินทรีย์กับ Organic ต่างกันอย่างไร” “ขอกลับมาอีกได้ไหม เห็นนาเขียวๆ รู้สึกสบายจัง” “อยากซื้อวัตถุดิบอินทรีย์ตรงกับเกษตกร” “อยากกลับไปทำฟาร์มอินทรีย์ที่บ้านบ้าง” เหล่านี้คือบางส่วนของคำถามและความเห็นของผู้บริโภค และนักท่องเที่ยว ที่สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ คุณค่า เรื่องราวและโอกาสในการพัฒนาและส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ (Organic Tourism) ซึ่งมุ่งเน้นให้เกิดการเชื่อมโยงและความร่วมมือของคนทั้งห่วงโซ่ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบอาหาร สังคม และสิ่งแวดล้อม นายอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) กล่าวว่า ภายใต้โครงการ “Amazing Organic Tourism for Sustainable Living” TOCA ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  มีการทำงานเชิงรุก เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรสังคมอินทรีย์ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในการส่งเสริมและขับเคลื่อนกิจกรรมท่องเที่ยววิถีอินทรีย์

สำหรับสายกรีนอาจจะรู้จักเลือกกินเลือกใช้สินค้าออร์แกนิก และอาจจะรู้จัก “ตลาดสุขใจ” ที่เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ที่สวนสามพราน  ที่นั่นคือหนึ่งในเครือข่ายสังคมอินทรีย์ที่เข้มแข็ง เป็นต้นแบบที่ทำให้วันนี้มี “สังคมอินทรีย์”  ที่ขยายตัวในวงกว้าง แต่ “สังคมอินทรีย์” ไม่ได้มีแค่ผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะในวันนี้ที่โลกถามหาความยั่งยืน เพื่อก้าวสู่ Net Zero Emissions (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์)  และ Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) ซึ่งทุกกิจกรรมของมนุษย์ล้วนมีผลต่อความเปลี่ยนแปลง (ในทางที่ดีและร้าย) ของโลกใบนี้ ดังนั้น “สังคมอินทรีย์” จึงไม่ได้จำกัดเฉพาะ “เกษตรอินทรีย์” แต่รวมไปถึงทุกกิจกรรมของเรา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึง ปลายน้ำ และนี่คือความตั้งใจ และเป็นอีกก้าวของ “งานสังคมสุขใจ” ที่ใช้เวลาผลักดันกันมาอย่างยาวนาน เพื่อโลกที่ดีทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ใช่คำสวย

กว่า 10 ปีจากการสร้างสรรค์ในเส้นทาง “สามพรานโมเดล” แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า โลกเราดีขึ้นได้ด้วยสังคมสุขใจ พลังเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ที่ดีต่อเรา ดีต่อโลก สร้างความเข้มแข็งทั้งกายใจให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งขยายภาพ “เศรษฐกิจสีเขียว” ให้ชัดเจน ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังเป็นความหวังของโลกในวันนี้และในอนาคต หากเดินทางไปเที่ยวหรือผ่านไปสวนสามพราน ในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะเคยแวะชม ชิม ช้อป กันที่ “ตลาดสุขใจ” ตลาดน่ารัก ๆ รวมของกินของใช้จากเกษตรอินทรีย์ที่ดีต่อใจ โดยแต่ละปีก็จะมีการจัดงานใหญ่ เพื่อแสดงพลังเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์จากทั่วประเทศ จึงเป็นงานที่หลายคนเฝ้ารอ เพราะจะมีของดีที่มั่นใจได้มาให้เราได้เลือกสรร ถือเป็นอีกงานที่คนรักสุขภาพ รักธรรมชาติ รักสังคม รักสิ่งแวดล้อม ได้มาพบเจอกัน หลังจากโควิด 19 ผ่านไป ความสุขที่หลายคนรอคอยก็กลับมาอีกครั้ง กับ “งานสังคมสุขใจ ครั้งที่ 8”  ซึ่งเป็นการรวมพลังของ มูลนิธิสังคมสุขใจ

บนเส้นทางกว่า 50 ปีของสวนสามพราน ผ่านเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่น จนถือได้ว่าวันนี้ ดินแดนแห่งนี้ได้สร้างโมเดลธุรกิจที่เกื้อกูลสังคม ด้วยการทำเป็นตัวอย่าง สร้างการรับรู้ และเชื่อมโยงห่วงโซ่อินทรีย์ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้ “สามพรานโมเดล” ที่ดำเนินมากว่า 10 ปี ถือเป็นการออกจาก Comfort Zone