
เขาค้อ โอ้ละหนอ…ฟินเอย
หน้าฝนเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการออกจากบ้าน….
เรื่องนี้สายกรีนเขารู้ดี เพราะฝนจะช่วยชะล้างให้ทุกอย่างดูสดใส แหล่งน้ำที่เคยเหือดหายก็กลับมาเติมเต็ม ภายใต้บรรยากาศที่เย็นใจนี้ ขอกลับไปให้หายคิดถึงอีกสักที ที่ “เขาค้อ”
เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมืองมะขามหวาน และไก่ย่างแสนอร่อย ทริปนี้มีโอกาสแวะกินทั้งขาไปขากลับ พอมาถึงเขาค้อก็ตระเวนหาของกินอร่อย ๆ ทั้งที่เคยติดอกติดใจ และร้านใหม่ ๆ ที่น่าลอง และไม่ลืมที่จะอัพเดทที่เที่ยวใหม่ ๆ มาฝากกัน
Phukaew Peak จุดชมวิวสุดพีค
เมื่อมาถึงภูแก้วรีสอร์ทแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดบริเวณวงเวียนน้ำพุ จะเห็นรถสองแถวจอดรอ เพราะการขึ้นไปยังภูแก้วพีคนั้น ถนนเส้นเล็ก ๆ มีความลาดชัน หลังจากซื้อตั๋วค่าเข้าชมคนละ 40 บาทแล้ว รถสองแถวก็พาเราไต่ขึ้นไปบนเนินเขาสูง อันเป็นจุดพีคของสถานที่แห่งนี้
จุดแรกเราจะพบกับ “ภูแก้วพีค คาเฟ่” ร้านกาแฟมุมสูงที่มองเห็นวิวทิวทัศน์กว้างไกล ทิวทุ่งกังหันลมจากมุมนี้มีขนาดจิ๋วลงไปเหมือนก้านไม้ขีด ถ้าได้มาช่วงเช้ายามมีหมอก หรือแสงเย็นยามพระอาทิตย์ตกก็จะดีงามขึ้นไปอีก
เดินขึ้นเนินไปอีกหน่อย ผ่านแนวดอกไม้สีสันสดใส ขึ้นไปจะเป็นจุดชมวิว “ภูแก้วพีค” ที่มองเห็นวิวพาโนรามาได้ 180 องศา บนนั้นมีการจัดสวนและแลนด์สเคปสวยงาม
มีจุดถ่ายรูปพีค ๆ อย่าง “มือพระเจ้า” มือที่ยื่นออกไปท่ามกลางท้องฟ้า “ชิงช้า” ท้าลมที่เหมือนได้นั่งลอยอยู่กลางอากาศ สะพานไม้ “ภูแก้วพีค” ที่ยื่นออกไปจากเนินเขา “รังนก” มุมถ่ายรูปน่ารักฟิลนกน้อยในรังอันอบอุ่น “สะพานแขวน” เชื่อมหินก้อนใหญ่ไปยังองค์พระ
ด้านสวนญี่ปุ่นมีป่าไผ่ปลูกเป็นแนวเขียวสดใส ด้านหน้ามีจุดอธิษฐานด้วย “เอมะ” หรือแผ่นไม้ขอพรในศาลเจ้าแบบญี่ปุ่น เมื่อข้ามสะพานเล็ก ๆ ไป จะเจอกับ “โทริอิ” หรือซุ้มประตูแบบญี่ปุ่นสีแดงสดใส ตัดกับฉากหลังสีเขียวอันกว้างใหญ่ ภายในจุดชมวิวมีความร่มรื่น สะอาดตา มีดอกไม้ใบหญ้าปลูกแซมอย่างมีสไตล์
เดินเล่นกินลมชมวิวพีค ๆ กันจนพอใจ ก็ชวนกันไปคาเฟ่ แวะจิบกาแฟบนมุมพีค ๆ นั่งมองอะไรกว้าง ๆ เป็นการฮีลสายตา ฮีลใจได้เป็นอย่างดี
FB/ภูแก้วพีค : Phukaew Peak
นั่งรถไฟจิ๋ว ขึ้นสกายวอล์คเขาค้อภูเลิศ
ไปเขาค้อรอบนี้ เห็นป้าย “สกายวอล์คเขาค้อภูเลิศ” อยู่ริมทาง ก็กะว่าจะไปลองของใหม่กันสักหน่อย มาถึงตรงจุดขายบัตรบอกราคา 80 บาท ก็ยังไม่เห็นตัวสกายวอล์ค
แต่เมื่อขับเข้าไปถึงลานจอดรถ ก็เห็นสะพานที่สร้างขึ้นมาแบบลอย ๆ อยู่บนเนินเขา แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นต้องผ่านร้านกาแฟ และเส้นทางรถไฟน้อย ๆ พร้อมด้วยขบวนรถไฟจิ๋วที่ดูแล้วน่ารักดี เป็นเหมือนรถไฟย่อส่วน มีลอดอุโมงค์ด้วยนะ แต่ต้องเสียค่าขึ้นรถไฟคนละ 50 บาท
ที่ดีสมคำว่าภูเลิศ เห็นจะเป็นวิวที่มองไปยังองค์พระใหญ่ วัดผาซ่อนแก้ว เห็นทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงามมาก อากาศในช่วงหน้าฝน มีลมแรง ทำให้สบายตัวมากขึ้น
เมื่อมุ่งหน้าไปยังสกายวอล์ค จะมีเจ้าหน้าที่คอยแจกถุงเท้า ที่ใช้สวมทับรองเท้าอีกที แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ไม่จำเป็นต้องจำกัดจำนวนคนขึ้นไปหรืออย่างไร เพราะใครมาก็ขึ้นไปได้เลย หรืออาจจะเป็นเพราะวันธรรมดามีนักท่องเที่ยวน้อย เลยไม่เป็นไร
สำหรับผู้ที่กลัวความสูง ไม่แนะนำอย่างเด็ดขาด เมื่อขึ้นจากฝั่งหนึ่ง ต้องไปลงอีกฝั่ง สะพานมีความยาวไม่มากนัก และโครงสร้างค่อนข้างเล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับสกายวอล์คอื่น ๆ เช่น สกายวอล์คเมืองกาญ ซึ่งโครงสร้างดูมั่นคงแข็งแรงกว่า
เมื่อมาแล้วก็ต้องลอง ความยาวสะพาน 88 เมตรเห็นวิวมุมที่สูงขึ้น พื้นกระจกใสมีเพียงมุมเดียวเท่านั้น ตอนที่ขึ้นไป บริเวณนี้จะมีคนยืนออกันเยอะ ทั้งที่กลัวและลังเล ทั้งที่แวะถ่ายรูป เมื่อเดินผ่านไปพบกับสายลมชุดใหญ่ปะทะมา ความกลัวทำให้กังวลถึงโครงสร้าง ถ่ายรูปสองสามแชะแล้วเดินลงทันที
ภาพรวมของ “สกายวอล์คเขาค้อภูแก้ว” อาจจะไม่ว้าวมาก สำหรับคนที่เห็นสกายวอล์คในหลาย ๆ ที่มาแล้ว แต่มันก็ทำให้มุมมองในการชมวิวสูงขึ้นไปอีก ถ้าวันไหนเจอหมอกก็จะฟินเป็นพิเศษ
FB/สกายวอล์คเขาค้อภูเลิศ : Skywalk Khaokho PhuLerd
“เส้นสี” ขนมจีนหลากสี ในร้านที่อาร์ต ๆ
ร้านอาหารบนเขาค้อมีหลากหลาย แต่ที่เห็นว่าเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอีกอย่างหนึ่งคือ ร้านขนมจีน ด้วยความโด่งดังของขนมจีนหล่มสักนั่นเอง แต่รอบนี้บนเขาค้อกลับมีขนมจีนน้ำยาปูเปิดตัวขึ้นหลายร้าน
และแม้จะปักเป้าหมายไว้แล้วว่าอยากกลับไปกินร้านเดิมที่เคยติดใจอย่าง “ร้านขนมจีนบ้านเกษตรบัณฑิตเขาค้อ” แต่ด้วยระยะทางที่ไกลจากตอนหิวในขณะนั้น เลยลองสุ่มร้านใหม่ ๆ จนมาเจอ “ร้านเส้นสี”
เมื่อมาถึงก็พบความอาร์ตตั้งแต่ประตูทางเข้า เข้าไปก็พบซุ้มไม้เลื้อยทางไปห้องน้ำ ส่วนของตัวร้านแนวซุ้มวงกลมตกแต่งสวยงาม น่านั่ง สีสันสดใส ในเมนูมีขนมจีนพร้อมน้ำยาหลายแบบ เมื่อถามถึงน้ำยาปู ทางร้านบอกว่าสูตรทางใต้ ก็สั่งมาชุดหนึ่ง
สำรับขนมจีน มาพร้อมน้ำยาปูและผักนานาชนิด ทั้งผักสด ผักดอง ตระการตาเหมือนไปนั่งกินที่ใต้ ในชุดมีไก่ทอด และไข่ต้ม 1 ฟอง เส้นขนมจีนจะเป็นสี ๆ แต่เสียดายว่าไม่ใช่สีธรรมชาติ ไม่งั้นจะดีงามสมกับความอาร์ตมากกว่านี้
รสชาติของน้ำยาปู มีความเผ็ดร้อนแบบพริกแกงใต้ แต่สำหรับคนที่กินเผ็ดได้ก็ถือว่ายังไม่มากนัก รสชาติก็กลาง ๆ แต่ส่วนดีของร้านคือความสะอาด และใส่ใจรายละเอียด ข้าวของเครื่องใช้บนโต๊ะก็ดูดี ที่ชอบมากคือน้ำส้มสดของทางร้าน ตกแต่งด้วยดอกไม้เล็ก ๆ น่ารักน่าชังจริง ๆ
งดงามทุกกาลเวลา วัดพระธาตุผ่าซ่อนแก้ว
ไม่ว่าจะเวลาไหนวัดผ่าซ่อนแก้วก็ยังงดงามเสมอ ทั้งเช้าตรู่ยามหมอกปกคลุม ไปจนเย็นย้ำค่ำคืน ช่วงนี้หน้าฝนคนรักสายหมอกก็จะมีลุ้นเป็นพิเศษ และข้อสำคัญของเขาค้อคือ ไม่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดไปรอหมอก ถ้าวันไหนเขามา เขาจะอยู่โชว์ตัวกับเราไปเกือบทั้งวัน
ในวันธรรมดาเป็นเวลาที่น่าขึ้นมาเที่ยวผาซ่อนแก้ว เพราะจำนวนรถก็น้อย คนก็บางตา ถ่ายรูปออกมาก็จะโล่ง ๆ ภูเขาที่ทอดยาวในช่วงหน้าฝนก็เขียวสด มองแล้วชื่นใจ ปัจจุบันหลังองค์พระมีเซเว่นอีเลฟเว่นมาเปิดให้บริการ และเช่นเดิม เมื่อกราบสักการะขอพรเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะไปช้อปปิ้งหน้าวัด ต้องแวะไปมุมสุดชิลในดวงใจ ที่เรียกร้องให้เรากลับมาหาได้แบบไม่เคยเบื่อ
ร้านพิซซ่าของลุงทอม ยอมใจความฟิน
น่าจะเป็นไฮไลต์หนึ่งของการมาเยือนเขาค้อ สำหรับ “ร้านพิซซ่าของลุงทอม” Uncle Tom’s Pizzeriaด้วยบรรยากาศ รสชาติ และไมตรีจิตของเจ้าของร้าน ที่ใครไปใครมาก็ต้อนรับเหมือนแขกคนพิเศษ
วันนี้ “มาดามถิง” หรือ คุณติ่ง–กาญจนาวดี สิริอินทร์ สาวสวยใจดีคอยต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มอันสดใสเช่นเดิม เธอคนนี้คอยอัพเดทบรรยากาศเขาค้อผ่านโซเชียลจนเราอดไม่ได้ที่จะกลับมาอีกครั้ง มาถึงแล้ว แม้จะยังไม่เจอหมอก ก็ยอมใจความฟินจากบรรยากาศของร้านพิซซ่าบนภูเขา ที่ทำให้เราลืมความหนักอึ้งทุกสิ่งไปชั่วขณะ
แน่นอนว่าการมาเยือนครั้งนี้ต้องมีความอร่อยเป็นเป้าหมาย มื้อแรกที่ร้านพิซซ่าของลุงทอม ต้องกัดแป้งบางกรอบหอมเตาถ่านให้หายคิดถึง กินสลัดผักสด ๆ กับน้ำสลัดแบบโฮมเมด ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อแล้วตักเข้าปากให้หนำใจ ก่อนที่จะสดชื่นกับเครื่องดื่มที่ทางร้านรังสรรค์ มีทั้งน้ำเสารรส อัญชันมะนาว และน้ำลำไย
อีกมื้อของอีกวันได้ยินว่ามีเมนูใหม่ เลยกลับมาลองอีกครั้ง รอบนี้มาที่อาหารไทย เรียงรายทั้ง ผัดไทยโบราณสูตรเมืองเพชร หมี่กรอบโบราณ เข้ามาร้านนี้แล้ว มีเมนูให้เลือกหลากหลาย จะฝรั่งหรือไทยก็อิ่มอร่อยกันได้ ในบรรยากาศสุด ๆ ไปเลย
เมนูใหม่ที่คุณติ่งนำเสนอ เป็นบะกุ๊ดเต๋สูตรหาดใหญ่ บ้านเกิดของลุงทอมนั่นเอง ใช้เวลาตุ๋นนานสองชั่วโมง ได้ซี่โครงเนื้อนุ่ม น้ำหอมฟุ้งด้วยเครื่องสมุนไพร กินตอนไหนก็ฟิน เพราะอากาศที่เขาค้อเย็นสบายตลอดทั้งวัน
นั่งชิลกันจนค่ำ ร้านปิดแล้วก็ขอชมวิวต่ออีกหน่อย เพราะมองไปข้างหน้าคือภูเขาที่เริ่มเป็นเงามืด มองไปอีกด้านคือองค์พระใหญ่ที่สง่างามยามต้องแสงไฟ นับเป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ
FB/ Uncle Tom’s Pizzeria ร้านพิซซ่าของลุงทอม ณ ผาซ่อนแก้ว
ชาบูผาซ่อนแก้ว วิวหลักล้าน จานหลักร้อย
หากมองจากร้านพิซซ่าของลุงทอม จะเห็นซุ้มน้อย ๆ แฝงตัวอยู่ในร่มไม้ชายเขา เดินผ่านอาจจะแทบไม่สังเกตเห็น แต่ก็มีป้ายหน้าร้านระบุว่า “ชาบูผาซ่อนแก้ว”
ร้านชาบูผาซ่อนแก้ว อยู่ในมุมสูง มุมสวย หลังองค์พระใหญ่ เสิร์ฟชาบูร้อน ๆ แบบจัดเต็ม นอกจากนั้นยังมีหมูกระทะ เย็นตาโฟ และก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ที่บอกว่า อร่อยแบบไม่ต้องปรุง
วันนี้ขอฝากท้องกับชาบูกันก่อน สั่งชุด 499 บาทมา ต้องบอกว่าลูกค้าคุ้มมาก แล้วร้านจะได้อะไรเนี่ย เยอะมาก หลากหลาย เมื่อชิมแล้วก็ฟิน อินกับบรรยากาศรายล้อม และหม้อร้อน ๆ ตรงหน้า
อากาศที่เย็นสบาย ทำให้อะไรก็ดูดี กินของร้อน ๆ แบบหน้าไม่มัน เป็นการกินชาบูในฝันกับบรรยากาศที่ดีสุด ๆ ไปเลย
FB/ชาบูผาซ่อนแก้ว
อยากมีฮีลใจบ่อย ๆ ที่ กระท่อมน้อยของลุงทอม
หัวใจของการมาเที่ยวเขาค้อ คือ การได้พักกาย พักใจ กดปุ่มรีเฟรชด้วยพลังธรรมชาติ เพราะนี้คือโมเมนต์ที่ใช่สำหรับสายกรีนที่ชื่นชอบความเขียวชอุ่ม ภายใต้บรรยากาศอันเงียบสงบ และที่พักหนึ่งในดวงใจ ที่ตอบสิ่งนี้ให้กับเราได้คือ “กระท่อมน้อยของลุงทอม”
แม้จะเป็นที่พักเล็ก ๆ ซึ่งมีเพียง 6 หลัง กับรถบ้านอีก 1 คัน แต่บรรยากาศของกระท่อมน้อยของลุงทอม ก็เติมเต็มความสดชื่นให้เราทุกครั้ง คนที่รักความเรียบง่าย สงบ มีความสะดวกสบายแบบพอเพียง จะเหมาะกับที่นี่มาก
บ้านดินแต่ละหลังมีระยะที่ห่างกันให้ความเป็นส่วนตัวมาก ห้องน้ำกว้างขวางเป็นที่ชื่นชอบ บางหลังก็มีอ่างอาบน้ำ เช่นบ้านที่อยู่ท้ายสุด ติดกับทุ่งนา มีอ่างอาบน้ำแบบโอเพ่นแอร์ งานนี้เลยร้องขอมาดามให้เป็นนางแบบให้ ก็ออกมาสวยงามดังใจหวัง แถมยังได้เจ้าควายแวะเวียนมากินหญ้า เหมือนคราวที่แล้วที่มา แต่เจ้าเด็กน้อยที่เลี้ยงควายกลับไม่ใช่คนเดิม เดาว่าเด็ก ๆ คงจะไปโรงเรียน
ภายในบ้านดินไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่มีพัดลม แต่การันตีความสบาย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว กลางคืนจะเย็นลงอีกมาก ความเป็นบ้านดินก็จะช่วยให้เย็นลงได้ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งก็มีลมพัดโชยตลอดทั้งวัน ถึงจะเรียบง่าย พอเพียง แต่ก็สิ่งอำนวยความสะดวกหลัก ๆ อย่างเครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม กระติกน้ำร้อน และ ตู้เย็น
ได้กลับมานอนเปลหน้าบ้าน มองฟ้ามองต้นไม้ ฟังเสียงนกร้อง ก็ผ่อนคลายดังใจหวัง เป็นความเรียบง่ายที่ได้ใจ ไม่หรูหราอะไร แต่ก็ให้ความสุขใจทุกครั้งที่มาเยือน
ใครที่อยากนอนรถบ้านก็จะจอดบริการอยู่บนเนิน สามารถปิกนิกปิ้งย่าง หรือสั่งหมูกระทะมารับประทาน สามารถแจ้งทางที่พักได้เลย ส่วนอาหารเช้าก็เรียบง่าย แต่ได้ใจความ สลัดผัก ไข่ดาว ข้าวต้ม พร้อมเสิร์ฟ
รอบนี้ทราบว่าทางคุณติ่งมีแผนจะแบ่งขายที่ดิน เผื่อจะมีใครอยากมาใช้ชีวิตสไตล์ฟาร์มสเตย์ด้วยกัน ในย่านของกระท่อมน้อยของลุงทอม ต.ทุ่งสมอ ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำอาชีพปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ก็จะเห็นฟาร์มผักเรียงรายไปทั่ว ดูแล้วสวยงาม ได้กินผักสด ๆ ตลอดทั้งปี และถือเป็นของฝากที่ไม่ควรพลาด
ในส่วนที่จะแบ่งขายที่ดิน เป็นโซนสวนป่า ซึ่งปัจจุบันมีทางทำทางเล็ก ๆ เหมาะสำหรับการเดินเล่น ออกกำลังกาย สายโยคะก็มาใช้พื้นที่ได้ ร่มรื่นสบายตา เช้า ๆ มาเดินเล่นก็เพลิน
FB/ Uncle Tom’s Cabin at Khaokho กระท่อมน้อยของลุงทอม
จากวันโน้น ถึงวันนั้น และจากวันนั้นมาถึงวันนี้ “เขาค้อ” ไม่เคยทำให้ผิดหวัง หน้าฝนนี้มีหมอก มีสายลมคลอเคล้าทั้งวัน เป็นโมเมนต์ที่ใช่ ตามสไตล์คนรักธรรมชาติ ทุกครั้งที่เขียนถึงเขาค้อ ก็ยังทำให้คิดถึง “เขาค้อ” เสมอ

ภาพหมอกที่เขาค้อในช่วงหน้าฝนของปีนี้

ผาซ่อนแก้วท่ามกลางสายหมอก

บรรยากาศท่ามกลางสายหมอกที่กระท่อมน้อยของลุงทอม
อ่านต่อ เที่ยวเขาค้อหลากสไตล์