Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

อัพเดทความ Cool กับ 9 จุดเที่ยวเพชรบูรณ์ แดนมรดกโลก

จังหวัดเพชรบูรณ์กลายเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” ในวันหยุดยาวหรือเสาร์อาทิตย์ นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ต่างปักหมุดมาที่เมืองโบราณศรีเทพ เพื่อยลโฉมความงดงามของอดีตที่ยังทรงคุณค่ามาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อมาเยือนจังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว นอกจากการลิ้มรสไก่ย่างวิเชียรบุรี ขนมจีนหล่มสัก ชิมและช้อปมะขามหวานกลับบ้าน ก็ต้องไว้แวะไปฟิน ไปเช็คอินในอีกหลายจุดท่องเที่ยว

โดยในทริปนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำโดย “สุรีพร พงษ์พานิช” ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง นำคณะสื่อมวลชนเดินทางสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสัมผัสความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปะวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

สุรีพร พงษ์พานิช ผอ. กองตลาดภาคกลาง ททท.

1.งดงามแต่ก่อนกาล เมืองโบราณศรีเทพ

ตั้งแต่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลก “อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ” ก็มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย เพราะนี่คือมรดกโลกแห่งที่ 7 ของเมืองไทย

ปรางค์ศรีเทพ

เมืองโบราณศรีเทพ ตั้งอยู่ที่ ต.ศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เป็นเมืองที่มีคูเมืองกำแพงเมืองล้อมรอบ อยู่ในพื้นที่กว่า 2,889 ไร่ ประกอบด้วยสระน้ำโบราณหลากหลายขนาดอีกกว่า 70 แห่ง ทั่วทุกบริเวณเต็มไปด้วยความร่มรื่น เหมาะกับการเดินเล่น หรือจะเลือกใช้บริการรถรางของทางอุทยานฯก็ได้

ปรางค์สองพี่น้อง

ทับหลังศิลาทรายที่มีสภาพสมบูรณ์ประดับอยู่จำหลักเป็นรูปอุมามเหศวร (ปรางค์สองพี่น้อง)

เมื่อเข้ามาแล้วจะได้ศึกษาเรียนรู้ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายไปจนถึงวัฒนธรรมเขมรโบราณ (พุทธศตวรรษที่ 8-18) สะท้อนอารยธรรมอินเดีย ขอม และทวารวดี

สถานที่สำคัญภายในเมืองโบราณศรีเทพ ประกอบด้วย โบราณสถานเขาคลังใน โบราณสถานปรางค์ศรีเทพ และโบราณสถานปรางค์สองพี่น้อง

นอกจากนั้นยังมีหลุมขุดค้นที่แสดงให้เห็นถึงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น โครงกระดูก ข้าวของเครื่องใช้ และสุนัขที่ได้รับการฝังพร้อมกับศพของมนุษย์ เป็นต้น

ไอศกรีมลวดลายปูนปั้น จำหน่ายบริเวณเขาคลังนอก ราคา 50 บาท

ส่วนภายนอกเมือง มีโบราณสถานที่สำคัญ อาทิ เขาคลังนอก เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สวยงามและทรงคุณค่า ปัจจุบันนักมีกิมมิคน่ารัก ๆ นั่นคือไอศกรีมลวดลายปูนปั้นโบราณที่พบในเมืองศรีเทพ เป็นอีกสีสันที่ทำให้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสนใจกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น

(ข้อมูล: http://virtualhistoricalpark.finearts.go.th/sithep/index.php/th/about-us.html)

2.ชิลหลังฝนฉ่ำ น้ำตกธารทิพย์

เดือนตุลาคม เป็นช่วงปลายฝนที่เหมาะอย่างยิ่งในการเที่ยวชม “น้ำตกธารทิพย์” ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ สามารถขับรถเข้าไป และใช้ระยะทางเดินเท้าต่ออีกประมาณ 400 เมตร ระหว่างทางจะผ่านสายธารที่ไหลมาจากตัวน้ำตก พบเห็นนักท่องเที่ยวแวะเล่นน้ำอยู่เป็นระยะ ๆ

ช่วงต้น ๆ ของการเดินเข้าสู่ตัวน้ำตกจะเจอกับสะพานแขวนเด่นตระหง่าน เสียดายว่าช่วงที่ไปอยู่ในระหว่างการปิดปรับปรุง

เมื่อเดินไปสุดทางก็จะพบความตระหง่านของหินผาท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม ตัวน้ำตกมีความสูงราว 26 เมตร กว้างประมาณ 30 เมตร

เป็นน้ำตกที่ไปชื่นชมได้ง่าย และทราบมาว่าจะมีน้ำไหลตลอดปี แต่อย่างไรก็ตาม การเที่ยวชมน้ำตกธารทิพย์ ควรเช็คสภาพอากาศและความพร้อมของสถานที่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน ที่อาจจะเกิดน้ำหลากได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาค้อที่ ขค.1 (น้ำตกธารทิพย์) หมู่ 11 ต.บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โทร. 08 1284 5223

 

3.ประตูสู่อีสาน สะพานห้วยตอง

หลายครั้งที่เราขับรถผ่านสะพานสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ ก็อยากแวะชม แต่ใช่ว่าทุกที่จะมีมุมให้เราแวะพัก เพราะบางแห่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

แต่ที่สะพานพ่อขุนผาเมืองหรือสะพานห้วยตอง ตำบลปากช่อง อ.หล่มสัก เพชรบูรณ์ บนทางหลวงหมายเลข 12 (ตอนน้ำดุก-ห้วยชำมะคาว) จะมีที่จอดรถให้บริเวณเชิงสะพานฝั่งที่มาจากเพชรบูรณ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับบรรยากาศกลางหุบเขาได้ตลอดทั้งวัน

สะพานห้วยตอง ถือเป็นประตูสู่ภาคอีสานสู่จังหวัดขอนแก่น เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กแบบตอม่อที่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูงถึง 50 เมตร ระยะทาง 103.4 เมตร ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 6 ปี เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2518

ความแข็งแกร่งของรากฐานที่อยู่ในหุบเขา กับตัวสะพานโค้งพาดยาวท่ามกลางธรรมชาติในแต่ฤดูกาล คือความงดงามของจุดแวะพักชมวิวแห่งนี้

อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวก็ต้องระมัดระวัง อย่าถ่ายรูปเพลินจนล้ำเส้นเข้าสู่ตัวถนนอาจเกิดอันตรายได้ 

4.พลังแห่งขุนเขา แคนยอนน้ำหนาว

ผาหินขนาดใหญ่ที่โค้งจนเกือบเป็นรูปครึ่งวงกลม ปกคลุมด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ บางจุดเราจะเห็นธารน้ำตกไหลผ่าน เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่อลังการคล้ายแกรนด์แคนยอน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “แคนยอนน้ำหนาว” ต.โคกมน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

ทางเดินเข้าชมแคนยอน

มีการจำลองน้ำตก ระหว่างทางเข้าชมแคนยอน

แคนยอนน้ำหนาว อลังการมาก

ปัจจุบันกำลังก่อสร้างจุดชมวิว

น้ำที่ตกจากหน้าผา สวยงามมาก

ในความเขียวชอุ่มเราจะเห็นน้ำตกอีกสายซ่อนตัวอยู่

ผาหินอันยิ่งใหญ่แห่งนี้อาจจะซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก แต่เราสามารถเข้าไปชมได้ด้วยการเดินเท้าระยะสั้น ลักษณะของผาหิน มีทั้งหินปูน หินทราย และหินดินดาน เป็นหินตะกอนที่ยกตัวสูงขึ้น สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก เป็นความงดงามอันน่าอัศจรรย์

อีกหนึ่ง Unseen ที่ไม่อยากให้พลาดเมื่อมาเยือนเพชรบูรณ์

5.จุดแวะชิล ชมวิวเขาปากช่อง

ถนนที่ตัดผ่านเนินสูงมองเห็นหุบเขาสลับซับซ้อนได้กว้างไกลสุดสายตา นี่คือจุดชุมวิวเขาปากช่อง บริเวณ ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

ความงดงามของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาล ส่งพลังดึงดูดให้ผู้ที่ขับขี่ผ่านเส้นทางนี้ต้องแวะจอด บ้างก็เพื่อเลือกซื้อของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ชาวบ้านนำมาวางขาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแดดเดียว หนังควายตากแห้ง หม่ำอีสาน ฯลฯ

บ้างก็คิดว่าจะแวะพักรถชมบรรยากาศเพียงสักครู่ ขอสูดอากาศดี ๆ ท่ามกลางหุบเขาก่อนจะเดินทางต่อไป แต่แล้วก็โดนมนต์ตราแห่งขุนเขาตรึงไว้อยู่นาน เหมือนที่เราตัดสินใจกินข้าวเที่ยงกันตรงนี้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งผ่านมื้อเช้ามาไม่นานนัก

“ร้านเจ๊ปู ลาบอีสาน” อีกหนึ่งบรรยากาศบนจุดชมวิวเขาปากช่อง ที่นี่มีอาหารตามสั่งและเมนูอีสานง่าย ๆ อย่างลาบ ส้มตำ ต้มแซบ ฯลฯ ไว้คอยบริการ หน้าร้านมีเตาปิ้งเล็ก ๆ พร้อมไข่ปิ้งอุ่น ๆ กับไก่ย่างเสียบไม้ ให้อารมณ์ความเรียบง่าย สบาย ๆ แบบชาวบ้าน

หลังจากเดินเล่นเพลิน ๆ อยู่พักหนึ่ง เมนูตามสั่งเรียงรายตามความชื่นชอบของแต่ละคนก็ยกมาเสิร์ฟ หน้าตาและรสชาติอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญในเวลานี้ เพราะที่เห็นตรงหน้าและสัมผัสด้วยสายตาก็อิ่มใจมากแล้ว

6.เดินเล่นกับน้อนนน ม่อนแกะ เขาค้อ

“เขาค้อ” ดินแดนแห่งสายหมอกและขุนเขา ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังสดชื่นเสมอ

ล่าสุดกับ “ม่อนแกะ เขาค้อ” จุดเช็คอินแห่งใหม่บนเนินเขา ทุ่งกว้างที่ปล่อยให้บรรดา “น้อนนนน” เจ้าแกะตัวน้อยใหญ่สายพันธุ์คอริเดลได้เดินมาเดินไปอย่างอิสระ

ฟาร์มแกะแห่งนี้มีคาเฟ่เรือนไม้ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ใครที่อยากมานั่งเล่นชมวิว จิบกาแฟ ถือว่าเหมาะมาก เพราะเป็นมุมที่มองเห็นเขาค้อได้อย่างกว้างไกลสบายตาสุด ๆ

“ม่อนแกะ เขาค้อ” มีค่าบริการเข้าชมท่านละ 100 บาท สามารถนำมาแลกส่วนลดเครื่องดื่มได้ 20บาท นอกจากแกะแล้ว เรายังเห็นเจ้าวัวยืนเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลิน เสียงรำพึงรำพันส่งสายตาบอกว่า “ปล่อยให้หน้าที่รับแขกเป็นของเจ้าแกะไปเลย”

7.คีรีแห่งศรัทธา วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

มาถึงเขาค้อแล้วก็ต้องแวะขึ้นไปผาซ่อนแก้ว อันเป็นที่ตั้งของ “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวเขาค้อและนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ

ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นเมื่อขึ้นมาที่ผาซ่อนแก้ว หรือขับรถผ่านย่านแคมป์สน คือ “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” พระพุทธรูปสีขาวเรียงที่เรียงซ้อนกัน ท่ามกลางขุนเขาอันกว้างใหญ่

ร้านพิซซ่าของลุงทอม

บนผาซ่อนแก้วยังมีจุดชมวิว ที่พัก ร้านอาหาร รวมทั้งคาเฟ่เก๋ ๆ หลายแห่ง หากเดินไปด้านหลังองค์พระใหญ่ ก็จะพบกับ “เซเว่นอีเลฟเว่น” สาขาที่มีวิวสวยอลังการ รวมทั้ง “ร้านพิซซ่าของลุงทอม” อีกร้านอร่อยที่อยู่ในจุดชมวิวที่สวยมาก ๆ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ “กระท่อมน้อยของลุงทอม”​ ที่พักแบบบ้านดินท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบของเขาค้อ

8.ฮีลใจไปด้วยกัน ทุ่งกันหันลมเขาค้อ

ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของเขาค้อ ก็สามารถมองเห็นกังหันลม แลนด์มาร์คที่สร้างขึ้นเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2529  แหล่งเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษกิจพอเพียง ด้านพลังงานทดแทน โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ทุ่งกังหันลมเขาค้อ มุมมองจาก “แดง เบญจรงค์ รีสอร์ต”

โดยการผลิตไฟฟ้าพลังลมแห่งนี้ จะถูกส่งต่อไปยังแหล่งรับซื้อที่ที่สถานีไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์  ดูแลโครงการโดย บริษัท เขาค้อ วินด์ พาวเวอร์ จำกัด ประกอบด้วยกังหันลม 24 ต้น โดยจะใช้พื้นที่ 1 ไร่ต่อ 1 ต้น แต่ละต้นสูง 110 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางของกังหันลม 120 เมตร (ข้อมูล : phetchabunpao.go.th)

9.สืบสานความดีงาม ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ

ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ซึ่งเป็นวันประเพณีสารทไทย จังหวัดเพชรบูรณ์จะมีประเพณีทางน้ำอันยิ่งใหญ่ เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ “ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” ซึ่งปีนี้ ตรงกับวันที่ 14ตุลาคม 2566

ตำนานที่ถูกเล่าขานมากว่า 400 ปี มีเรื่องราวว่า ในอดีตเคยมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งออกหาปลาในแม่น้ำป่าสักจนได้พบเหตุอัศจรรย์ขึ้น คือ กระแสน้ำในบริเวณวังมะขามแฟบ มีพรายน้ำผุดขึ้นมาทีละน้อยจนแลดูคล้ายน้ำเดือด จากนั้นได้กลายเป็นวังวนดันเอาองค์พระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยขึ้นมาเหนือน้ำ ทำให้ชาวประมงต้องลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดไตรภูมิ

แต่ในปีถัดมาตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งเป็นวันประเพณีสารทไทย พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวได้หายไป ชาวบ้านต่างพากันตามหา สุดท้ายไปพบพระพุทธรูปกำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางแม่น้ำป่าสักบริเวณที่พบพระพุทธรูปองค์นี้ในครั้งแรก จึงได้ร่วมกันอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดไตรภูมิอีกครั้งหนึ่ง พร้อมร่วมกันถวายนามว่า “พระพุทธมหาธรรมราชา”

หลังจากนั้นต่อมาในวันสารทไทย หรือวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 เจ้าเมืองเพชรบูรณ์จะทำพิธีอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาลงประกอบพิธีดำน้ำเป็นประจำทุกปี โดยเชื่อว่าจำทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนมีความสุข บ้านเมืองปราศจากโรคระบาดคุกคาม รวมทั้งการรักษาสายน้ำให้มีความสะอาดอยู่เสมอ จนกลายมาเป็นประเพณีอุ้มพระดำน้ำอันยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน 

 

เพชรบูรณ์ดีต่อใจ ไปเที่ยวกันต่อ >>

เยือนแดนมรดกโลก เมืองโบราณศรีเทพ ฉบับเต็ม

เที่ยวทุ่งกังหันลมเขาค้อ

เที่ยวอย่างฟิน อัพเดทจุดเช็คอินเขาค้อ

 

เที่ยวต่อที่ลพบุรี

ขากลับจากเพชรบูรณ์มุ่งสู่กรุงเทพฯ เรายังแวะเที่ยวลพบุรีกันอีกเล็กน้อย 

ท้ายเขื่อนป่าสัก บ้านท่าฤทธิ์

ในช่วงหน้าฝน ปริมาณน้ำบริเวณท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะเพิ่มสูงขึ้น ทุ่งหญ้าที่เคยเป็นลานกว้างถูกปกคลุมด้วยมวลน้ำ ดูเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ สะท้อนความสวยงามจากฤดูกาลแตกต่างกันไป

เราจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพเก่า กับภาพล่าสุดให้ชม

 

ช่วงหน้าน้ำ ก็ชุ่มเย็นไปอีกแบบ แวะไปเที่ยวกันได้ น้องแพะจะแวะมาราวบ่ายสอง

 
ร้านอาหาร My Way

ไม่ไกลจากเขื่อนป่าสัก มีร้านอาหารน่ารัก ๆ และมีมุมให้ถ่ายรูปเล่นเยอะมาก ชื่อว่า “My Way Cafe & Bistro” มีทั้งส่วนของร้านอาหาร คาเฟ่ เบเกอรี่ รวมทั้งมุมเก๋ ๆ ที่ทางร้านจัดไว้ให้ถ่ายรูป เดินเล่นได้ ส่วนอาหารก็หลากหลาย เหมาะสำหรับทุกคน

 
“กระเพรา & Coffee”

ร้านอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ มีอาหารจานเดียวและเครื่องดื่มไว้บริการ แต่ที่สนุกสนานถูกใจท่านผู้ชม คือการได้เดินเล่นบนสะพานไม้ท่ามกลางทุ่งแห่งความเบิกบาน ฉากหลังไกล ๆ คือเขาจีนแล ที่รู้จักกันดีว่าเป็นแหล่งชมทุ่งทานตะวันที่เราจะพบกันในช่วงปลายถึงต้นปี

คาเฟ่แห่งนี้มีมุมนั่งเล่นสบาย ๆ ช่วงนี้ดอกคอสมอส หรือ ดาวกระจาย เต็มทุ่ง มานั่งเล่น เดินเล่น เพลิน ๆ ถือเป็นอีกจุดที่เติมความสดชื่นระหว่างการเดินทางได้เป็นอย่างดี

 

Post a comment

twelve + eight =