
สาย Green โดนใจ ลานสักไฉไล อุทัยธานี
เมื่อเข้าสู่ อ.ลานสัก สิ่งแรกที่เราจะเห็นคือแนวต้นสักที่เรียงรายตลอดสองข้างทาง บ่งบอกถึงความเป็นลานสักได้อย่างชัดเจน
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสภาพป่าและภูเขา พร้อมบรรยากาศอันเขียวขจี อำเภอลานสักจึงมีแหล่งท่องเที่ยวอันมีเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงแหล่งกำเนิดอากาศอันแสนบริสุทธิ์ รอให้ทุกคนเข้ามากางแขนสูดลมหายใจรับพลังแห่งธรรมชาติ

ภูเขาหินขนาดใหญ่ ซ่อนความงดงามของ “หุบป่าตาด” ไว้ด้านใน
“หุบป่าตาด” เป็นแหล่งอันซีนในเมืองไทย ที่ถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.2522 โดย พระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง ก่อนหน้านี้ยังต้องปีนป่ายหน้าผาเข้าไปในหุบ แต่ได้รับการพัฒนาทำทางเดินเข้าที่สะดวกมากยิ่งขึ้น
จากสภาพป่าที่เต็มไปด้วยต้นตาด ไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม ด้วยลักษณะของป่าที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาอันลึกลับ จึงเรียกที่นี่ว่า “หุบป่าตาด”
ก่อนที่จะเดินเข้าสู่หุบป่าตาด เราจะมองเห็นภูเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงราย เป็นโลกอีกใบที่น่าอัศจรรย์ และตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเมื่อได้เดินฝ่าความมืดลอดถ้ำเข้าไป เป็นระยะทางสั้น ๆ ที่น่าประหลาดใจ เพราะหลุดจากถ้ำมาก็จะเจอกับป้าขนาดใหญ่ซ่อนไว้ในหุบ ที่ซ่อนตัวลึกลงไปอีก จากนั้นก็ลัดเลาะแนวป่าไปถึงโถงถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีหินงอกหินย้อย และหินปูนขนาดมหึมา รายล้อมด้วยต้นไม้ใบยักษ์ บ่งบอกถึงอายุอันยืนยาวและความอุดมสมบูรณ์

วันนี้ฝนตก จึงต้องหยุดรอฝนกันหน้าทางเข้าสักครู่

เที่ยวหน้าฝน มันชุ่มฉ่ำใจดีจริง ๆ

โชคดีมีรถขายไอศกรีมโบราณผ่านมาพอดี ได้กินรอฝนหยุด

บริเวณทางเข้าหุบป่าตาดมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ให้บริการหลายจุด
หุบป่าตาด อยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน ได้รับการประกาศจากกรมอุทยานแห่งชาติ ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้หายากหลากชนิด ในช่วงหน้าฝนจะพบกับความชุ่มฉ่ำมากเป็นพิเศษ ทางเดินที่ลาดชันเล็กน้อยอาจจะต้องระมัดระวังกันมากขึ้น ทั้งระมัดระวังไม่ให้ลื่นหกล้ม และไม่ให้กระทบกับต้นไม้ใบหญ้าที่อาศัยอยู่ และควรมีไฟฉายพกติดตัว บริเวณทางเข้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยสอบถามความพร้อมและมีไฟฉายให้ยืม

ทางเข้าจะเริ่มจากบริเวณนี้ เดินขึ้นบันใดเล็กน้อย สบาย ๆ

มาถึงโถงถ้ำระยะสั้น แต่มืดมาก ต้องอาศัยไฟฉายเท่านั้น

หลุดออกจากถ้ำ มาเจอแสงสว่างอีกครั้ง คราวนี้ต้องเดินต่ออีกหน่อย

มองย้อนกลับไป

เดินลัดเลาะไปตามทาง ตอนนี้อยู่ในหุบเป็นที่เรียบร้อย

ก็จะมาเจอโถงถ้ำขนาดใหญ่ หินงอกหินย้อยสวยงาม

หากมองย้อนกลับไปก็จะเป็นภาพนี้

ลักษณะจะไม่เหมือนกิ้งกือซะทีเดียว จึงไม่น่ากลัวนัก สำหรับคนที่กลัวกิ้งกือ แต่ในหุบป่าตาดมีความชื้นมาก และสมบูรณ์มาก แน่นอนว่าจะมีกิ้งกือสายพันธุ์ยักษ์ออกมาให้เห็นอยู่ด้วย (บ้างเล็กน้อย)
นอกจากแหงนหน้ามองความสูงของแนวป่าที่ปกคลุม ทุกคนต่าง มองซ้าย มองขวา มองไปบนผืนดิน ลานหิน และกิ่งไม้ เพื่อส่องส่ายสายตามองหา “กิ้งกือมังกรสีชมพู” ที่จะพบได้ในช่วงฤดูฝน เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน เจ้าตัวเล็กที่มีลักษณะลำตัวเป็นปุ่มและหนามคล้ายมังกร มีสีชมพูสดใส นับเป็นสัตว์หายากพบได้ที่เดียวในโลก คือ หุบป่าตาด
ออกจากหุบป่าตาดไปเพียง 2 กิโลเมตร เราก็มาถึง “สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย” ฉายาที่ถูกเปรียบเปรยไว้กับ “จุดชมวิวบ้านชายเขา” ที่มีทิวเขาเรียงรายโอบล้อมอยู่ในทุ่งโล่ง เต็มไปด้วยไร่สวน มองไปทางไหนก็ชื่นสายตา ชื่นใจ ใครมาเห็นก็มีแต่รอยยิ้มแห่งความสุขกลับไป
หุบป่าตาด อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี
เปิดให้เข้าชม เวลา 8.30-16.00 น.
(มีค่าเข้าชม)
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน
โทร. 0 5698 9128
อุทัยธานี ยังมีของดีอีกมาก กับหลากมุมมองสดใส ท่ามกลางความเขียวขจีทั้งด้านพื้นที่และในใจผู้คน
ติดตามชมเรื่องราวในเส้นทาง “อยู่ดี Green ดี เที่ยวอุทัยธานี” ได้ที่