ปลอดเชื้อ-อยู่ยาว เทรนด์บรรจุภัณฑ์อาหารยุคโควิด
ถ้าคุณไม่เคยเล่นแอป Tiktok คุณเป็นหนึ่งที่อาจจะติดมันงอมแงมในช่วงการเก็บตัวอยู่บ้าน
ถ้าคุณไม่เคยสั่งอาหารออนไลน์มาก่อน…ก็เช่นเดียวกันกับสินค้าออนไลน์ เพราะหลังจากประกาศขอความร่วมมือจากทางรัฐบาล ให้ทุกคนอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ โหมดชีวิตก็กระโดดเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์จนเกือบเต็มรูปแบบ หลายคนเจอความว่างเข้าครอบงำ ทำให้ต้องหาอะไรทำเพื่อคลายเครียด ไม่ว่าจะกิน เล่น หรือ ช้อปปิ่ง
โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร ที่กลายเป็นช่องทางการทำมาหารายได้ของคนในปัจจุบัน นอกจากมูลค่าตลาดอาหาร หรือ บริการอาหารเดลิเวอรี่จะเติบโตขึ้นมากแล้ว ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยังได้รับผลพลอยได้ตามไปด้วย เนื่องจากผู้คนต่างเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูป หรือ อาหารพร้อมรับประทานไปเก็บไว้ที่บ้านกันมากขึ้น
ดังนั้น เทรนด์ที่มาแรงของบรรจุภัณฑ์อาหารอีกหนึ่งอย่างในวันนี้ คือ นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุอาหาร เพราะในช่วงการกักตัวอยู่บ้าน ทุกคนก็อยากมีอาหารรับประทานได้นานๆ และเน้นย้ำว่าต้องสะอาดและปลอดภัยจริง
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า ภายใต้สภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยยืดอายุอาหาร นับเป็นสิ่งจำเป็นและมีบทบาทสำคัญในการช่วยเยียวยาและบรรเทาความตึงเครียดของผู้บริโภคทั่วโลกที่ต้องการจัดเก็บอาหารให้ยาวนานขึ้นในช่วงกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังช่วยลดความถี่ในการออกจากที่พักไปยังสถานที่เสี่ยงติดเชื้อได้เป็นอย่างดี มีผลทำให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารทั่วโลกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดยยอดขายของบริษัทฯ ได้เติบโตขึ้นมากกว่าเท่าตัวเช่นเดียวกัน
นอกจากนั้นในสถานการณ์โควิด-19 ยังเห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปโดยหันมาใส่ใจและเน้นเรื่องความปลอดภัยของอาหารมากขึ้น มีการงดเว้นอาหารสดที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น สลัดต่างๆ อาหารญี่ปุ่น หรือแม้แต่อาหารที่ปรุงสุกมาแล้ว ก็ต้องอุ่นซ้ำ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) ในบรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ (Sterilized Food) ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเชื้ออาหารภายใต้แรงดัน (Retort) ที่อุณหภูมิ 110-120 องศาเซลเซียส หรือการผ่านการฆ่าเชื้อด้วยกระบวนการความร้อน (Hot Filled) ที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส เป็นอาหารปลอดเชื้อ มีความปลอดภัยสูง ไม่มีการปนเปื้อนทั้งเชื้อโรคและสารกันบูด
“การปรับตัวของผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภครับรู้และเข้าใจอาหารที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะผ่านพ้นสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ไปแล้ว เชื่อว่าผู้บริโภคยังคงคำนึงถึงความปลอดภัยของอาหารและอาหารที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ จะอยู่ในกระแสความต้องการต่อไปจนกลายเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคในอนาคต ซึ่งบรรจุภัณฑ์ของเรา ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต สามารถรักษาอายุของอาหารได้นานสุดกว่า 2 ปี ไม่มีสารปนเปื้อนไม่มีสารก่อมะเร็ง มีความปลอดภัย น้ำหนักเบา บรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ผู้บริโภคเพียงเปิดแล้วรับประทานได้ทันที ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น เป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างมาก” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมมากด้วยศักยภาพในด้านกำลังการผลิต จากการเข้าซื้อกิจการของ พริ้นท์แพค เอเชีย ในปีก่อน ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้นำในการผลิตบรรจุภัณฑ์นวัตกรรมยืดอายุอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีโรงงานและสำนักงานในประเทศจีนและอินเดีย รวมกำลังการผลิตปัจจุบันสูงเกือบ 2,700 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งศักยภาพของบริษัทฯ ที่มีทำให้มั่นใจว่าจะสามารถผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่สูงขึ้นในขณะนี้อย่างแน่นอน ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมจะเติบโต 100 เปอร์เซ็นต์ จากยอดขายปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน บริษัทฯ ขยายการดำเนินธุรกิจไปในตลาดสำคัญทั่วภูมิภาค อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา ฯลฯ โดยมีสัดส่วนยอดขายส่งออกที่ 95% และยอดขายในประเทศที่ 5% แต่บริษัทฯ เชื่อว่าผู้บริโภคในประเทศเริ่มมีความคุ้นชินกับบรรจุภัณฑ์ของ เอกา โกลบอล มากยิ่งขึ้น เพราะมีสินค้าของหลากหลายแบรนด์ที่ให้ความวางใจใช้บรรจุภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตให้วางจำหน่ายอยู่ในโมเดิร์นเทรดจำนวนมากขึ้น เป็นบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ และบรรจุอาหารหลากหลายประเภท เช่น อาหารเด็ก อาหารสำเร็จรูป ขนมหวาน อาหารทะเล ผักผลไม้ สลัด น้ำผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนม เครื่องดื่มสมุนไพร ชา กาแฟ และอาหารสัตว์ เป็นต้น
ปีนี้บริษัทฯ มีแผนจะเจาะตลาดผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี ในประเทศให้มากขึ้น เพื่อช่วยผลักดันและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ก้าวสู่การทำธุรกิจที่สามารถแข่งขันได้บนเวทีระดับโลก เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ขยายตลาดต่างประเทศ และการที่ผลิตภัณฑ์มีอายุสินค้าที่ยาวนานขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนการผลิตอีกด้วย นับว่าตอบโจทย์และช่วยปิดจุดอ่อนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างดี
“แม้สัดส่วนรายได้จากการเพิ่มฐานลูกค้าเอสเอ็มอีจะไม่มาก แต่การได้ช่วยผู้ประกอบการอาหารได้มีโอกาสทางธุรกิจ สร้างโซลูชั่น และเพิ่มมูลค่าสินค้าที่สูงขึ้น ถือเป็นภาระกิจที่ เอกา โกลบอล ให้ความสำคัญ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฐานให้เอสเอ็มอีไทยให้แข็งแกร่ง” นายชัยวัฒน์ กล่าวว่าปิดท้าย
ที่มา : บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด