Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

เผยคนไทย 4 ใน 5 คน พร้อมจ่ายเพื่อแบรนด์ที่ยั่งยืน 

ผลการสำรวจของ Blackbox Research ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของคนไทย แต่คนไทย 4 ใน 5 (82%) ยังเต็มใจที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่ยั่งยืน ซึ่งนับเป็นจุดขายใหม่สำหรับผู้ประกอบการ  และโอกาสทองสำหรับแบรนด์ไทยในการบุกเบิกธุรกิจที่ยั่งยืน และสร้างอนาคตที่สดใสให้กับประเทศไทย เพื่อเอาชนะใจและกำลังซื้อของผู้บริโภค

Blackbox Research และผู้ให้บริการด้านข้อมูล Dynata ได้ร่วมกันทำการศึกษาว่า คนไทยมีความเข้าใจเกี่ยวกับความยั่งยืนอย่างไร และความยั่งยืนส่งผลต่อการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างไร  ผลจากการสำรวจแสดงให้เห็นว่า ในขณะที่คนในสังคมมีความตื่นตัวด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ภาคธุรกิจมีการดำเนินการด้านความยั่งยืนที่เกินความคาดหมายของผู้บริโภค ในขณะที่การดำเนินงานของภาครัฐยังคงล่าช้า

คนไทยเกือบ 1 ใน 4 (24%) เห็นว่าภาคธุรกิจสามารถดำเนินการด้านความยั่งยืนได้ดีเกินความคาดหมาย (มีเพียง 15% เท่านั้นที่เชื่อว่าภาคเอกชนมีหน้าที่ขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน) โดยความเห็นของผู้เข้าร่วมการสำรวจต่อการดำเนินงานของภาครัฐกลับอยู่ในทิศทางที่ตรงกันข้าม กล่าวคือ มากกว่าครึ่งหนึ่งของคนไทย (51%) เชื่อว่าการกำหนดประเด็นด้านความยั่งยืนให้เป็นวาระแห่งชาติเป็นหน้าที่ของรัฐบาล มีเพียง 30% เท่านั้นที่เชื่อว่ารัฐบาลได้ดำเนินการตามความรับผิดชอบอย่างเต็มที่แล้ว นั่นหมายความว่า คนไทยราว 1 ใน 5 (21%) คิดว่ารัฐบาลดำเนินงานด้านความยั่งยืนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

การศึกษายังชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ต่างประเทศมีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่เหนือกว่าแบรนด์ในประเทศไทย โดยดัชนีความยั่งยืนของแบรนด์ 2 จากการสำรวจแสดงให้เห็นว่า Google (1.53) และ YouTube (1.33) เป็นผู้นำในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน โดยมีเพียงธนาคารกรุงเทพและ LINE เป็นแบรนด์เอเชียที่มีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยด้วยคะแนน 1.01 และ 1.06 ตามลำดับ

Saurabh Sardana ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ของ Blackbox Research ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้ว่า แบรนด์ในภูมิภาคสามารถเพิ่มโอกาสในการเชื่อมโยงกับผู้บริโภคหากมีการพัฒนาการด้านความยั่งยืน

“การวิจัยของเราแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คนไทยไม่ได้มองว่าผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่ ‘มีก็ดี’ แต่เป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้บริโภคพร้อมจ่ายให้กับแบรนด์ที่ยั่งยืนเป็นลำดับ” Sardana กล่าว

ผลจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่า คนไทยอยากให้ภาคธุรกิจมุ่งเน้นดำเนินการด้านความยั่งยืนใน 3 หัวข้อคือ การขจัดความยากจน (25%) การส่งเสริมระบบการค้าระหว่างประเทศที่มีความเชื่อมโยงระหว่างกันและมีความเท่าเทียม (22%) และการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการสร้างงานให้กับทุกภาคส่วน (21%) โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปัญหาในด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความเป็นธรรมทางสังคม ซึ่งยังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศไทย

การศึกษาในครั้งนี้ต้องการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการสร้าง Insights ด้านความยั่งยืนของแบรนด์เพื่อเข้าถึงวิถีชีวิตของลูกค้าและทำให้ลูกค้านำไปต่อยอดและริเริ่มแนวทางด้านความยั่งยืนให้สอดคล้องกับตนเอง Blackbox ใช้แพลตฟอร์มการวัดผล MCA® ในการศึกษาเพื่อประเมินการดำเนินงานด้านความยั่งยืน และนำเสนอผลการวิจัยที่แบรนด์ชั้นนำสามารถนำไปใช้ได้จริง โดยการใช้กลุ่มตัวอย่างที่ครอบคลุมประชากร พื้นที่ ความชื่นชอบ และฐานะที่มีความหลากหลาย ผลการศึกษานี้อาจเป็นกุญแจสำคัญสำหรับภาคธุรกิจในการฟื้นตัวหลังโควิด-19 โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความยั่งยืนเพื่อให้สามารถเข้ากับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ได้ดียิ่งขึ้น

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นการตอกย้ำให้ภาคธุรกิจเห็นว่าการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDG) ของสหประชาชาติเป็นความสำคัญอย่างเร่งด่วน ปัจจุบัน ประเทศไทยมีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในระดับที่ดี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกด้านการเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล นอกจากนี้ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์การสหประชาชาติในโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้นำองค์กรธุรกิจนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ไปปฏิบัติใช้ในองค์กร โดยใช้งบประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท

Post a comment

5 × 2 =