Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

พระนครคีรี เชฟส์เทเบิ้ล ตามรอยพระราชอาคันตุกะ สมัย ร.4

ถ้าเป็นเชิงการท่องเที่ยว เพชรบุรีก็มีครบรสทั้งภูเขา ทะเล ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม ไปจนถึงความร่วมสมัย 

ในด้านรสชาติเพชรบุรียังเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก และได้ชื่อว่า “เพชรบุรีเมือง 3 รส” ทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว จากแหล่งกำเนิดแห่งภูมิปัญญา ไม่ว่าจะเป็นการทำนาเกลือ การทำน้ำตาลโตนด และการปลูกมะนาว

ความโดดเด่นที่ว่านี้ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ผ่านเรื่องราว เรื่องเล่า รวมทั้งประวัติศาสตร์อันยาว และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ความคิดสร้างสรรค์ถูกนำมาต่อยอดเป็นมื้อพิเศษ ในกิจกรรม “กาล่า ดินเนอร์ เชฟส์เทเบิ้ล” ณ พระนครคีรี ในงานเทศกาลพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 38 ซึ่งปีนี้มีความคึกคักกว่าทุกปี

เมื่อเร็ว ๆ นี้ จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ จัดกิจกรรม Media Familiarization Trip เส้นทางสายไมซ์สู่เพชรบุรีเมือง 3 รส นำคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมสัมผัสเส้นทางตามรอยพระราชอาคันตุกะ สมัยรัชกาลที่ 4 และร่วมกิจกรรม กาล่า ดินเนอร์ เชฟส์เทเบิ้ล ณ พระนครคีรี  เพื่อยกระดับประสบการณ์ไมซ์สุดพิเศษ มุ่งสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์งานไปสู่ระดับนานาชาติ

ดร.สุรัชสานุ์ ทองมี ผู้อำนวยการ TCEB ภาคกลาง-ภาคตะวันออก กล่าว่า ทีเส็บ ร่วมสนับสนุนการสร้างประสบการณ์ไมซ์ที่สื่อถึงอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นของจังหวัดเพชรบุรี เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวคุณภาพสูง

ชูศักยภาพความพร้อมจังหวัดเพชรบุรีในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจหรือนักเดินทางกลุ่มไมซ์ สอดรับกับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล ในการผลักดันงานเทศกาลไทยสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ไปสู่การยอมรับในเวทีนานาชาติ

โดยดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ ทีเส็บ 3S – Stay Longer, Spend More, See you again กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มมากยิ่งขึ้น จากการเข้าร่วมกิจกรรม สินค้าและบริการไมซ์ไมซ์ภายในจังหวัดเพชรบุรี ที่จะสร้างความประทับใจต่อนักเดินทางกลุ่มไมซ์ให้เกิดการตัดสินใจพำนักอยู่ต่อ และสร้างโอกาสในการกลับมาเยือนประเทศไทยในอนาคต

องก์ที่ 1 จากบางกอกผ่านอัมพวา เทียบท่าบางตะบูน

สีสันของเส้นทางเริ่มต้นตั้งแต่มื้อเช้าที่เสิร์ฟระหว่างการเดินทาง นำเสนอวัตถุดิบจากเพชรบุรี ประกอบด้วย สลัดกุ้งใบชะคราม ครัวซองต์สังขยา แยมโรลใบเตย ชมพู่เพชรสายรุ้งและผลไม้ตามฤดูกาล

ขณะที่เส้นทางย้อนรอยประวัติศาสตร์เริ่มต้นตั้งแต่ “โครงการอัมพวา ชัยพัฒนานุรักษ์” ซึ่งเป็นพื้นที่ประมาณ 26 ไร่ พร้อมบ้านริมคลองอัมพวา ซึ่งชาวบ้านในแถบนั้นน้อมเกล้าถวายให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา หากใครเคยไปตลาดน้ำอัมพวา คงจะเคยเห็นร้าน “ชานชาลา” ซึ่งอยู่ในโครงการ สามารถเดินผ่านตัวร้านเข้าไปสู่ภายในโครงการ ซึ่งมีศูนย์เรียนรู้ที่น่าสนใจ พร้อมร้านจำหน่ายสินค้าของทางโครงการ

อัมพวาเป็นอำเภอที่มีพื้นที่มากที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม สมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งเป็นหลวงยกกระบัติ มีภรรยาเป็นคนอัมพวา และรัชกาลที่ 2 ก็ประสูติที่อัมพวา และมีภรรยาเป็นคนอัมพวาเช่นกัน

คลองอัมพวา เชื่อมต่อกับคลองประชาชมชื่น ซึ่งขุดในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นคลองที่สามารถเชื่อมต่อคลองบางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี

ในทริปนี้เราได้เดินลัดเลาะเข้าไปในสวนชัยพัฒนานุรักษ์ ชมการทำน้ำตาลมะพร้าว จากนั้นไปร่วมกิจกรรมประกอบขนมจ่ามงกุฎ รับประทานคู่กับเครื่องดื่ม “ม่วงชื่น” ซึ่งเป็นสูตรพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีส่วนผสมหลักจากตะไคร้ อัญชัน และมะนาว รสหวานอมเปรี้ยว หอมสดชื่น


องก์ที่ 2   เยี่ยมเยือนเมืองพริบพรี … ชิมอาหารพื้นถิ่น แห่งเมืองสามรส

จากอัมพวาเข้าสู่เพชรบุรี แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ “ครัวป้าหยัน” ร้านอาหารไทยสไตล์เมืองเพชร ที่ได้ชื่อว่าเป็นร้านรับแขก ด้วยรสชาติของอาหารไทยที่เข้าข้น กลมกล่อม ผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น “แกงปูใบชะคราม” ซึ่งเป็นไฮไลต์ที่มาเมื่อไหร่ก็ต้องสั่ง ตามมาด้วย น้ำพริกกุ้งสด ทอดมันปลากราย ต้มส้มปลากะพงทอด ห่อหมกขนมครก ฯลฯ


องก์ที่ 3  เยี่ยมเยือน พระนครคีรี สู่งานเลี้ยงรับรองอาคันตุกะเมืองพริบพรี

หลังจากอาหารเที่ยง คณะได้เข้าเช็คอินที่โรงแรม PBRU Heritage โรงแรมใหม่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทั้งด้านการออกแบบตกแต่ง และการนำเสนออาหารท้องถิ่น ซึ่งกิจกรรม “เชฟเทเบิ้ล” ในคืนนี้ก็มาจากการรังสรรค์ของอาจารย์และทีมนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีและศิลปการประกอบอาหาร

แต่ก่อนจะเข้าสู่ไฮไลต์ของค่ำคืนนี้ คณะสื่อมวลชนได้ร่วมแต่งชุดไทย เพื่อร่วมกิจกรรมตามรอยพระราชอาคันตุกะในสมัย ร.4 เยี่ยมชมพระนครคีรี (เขาวัง) ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อน ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ 3 ยอด จากนั้นได้เดินทางไปชมนิทรรศการศิลปะสกุลช่างเมืองเพ็ชร์ บริเวณลานอุทยานเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 4

เมื่อถึงยามเย็น มุ่งสู่พระนครคีรีอีกครั้ง เพื่อสัมผัสบรรยากาศแห่งชาติ เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ กับกิจกรรมพิเศษ “กาล่า ดินเนอร์ เชฟส์เทเบิ้ล” ที่จะได้ลิ้มรสอาหารที่ทรงคุณค่าและมีที่มาทางประวัติศาตร์ แรงบันดาลใจจากการรับรองแขกบ้านแขกเมืองยุค ร.4 พร้อมรับฟังเสวนาวาไรตี้ เกร็ดประวัติศาสตร์พระนครคีรี – การรับรองพระราชอาคันตุกะสมัยรัชกาลที่ 4 ณ บริเวณสนามหญ้าโรงโขน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี

แรงบันดาลใจในการรับแขกบ้านแขกเมืองสมัย ร.4

มาถึงพริบฟรีต้องต้อนรับ: น้ำลอยดอกไม้อบควันเทียนอ่อนๆ

เพชรบุรีแดนใจ: ม็อคเทลกล้วยหอมทอง

เริ่มต้นที่ล้นเกล้าฯ: ชมพู่เพชรสายรุ้งท๊อปด้วยยำส้มโอ

เทียบอ่าวบางตะบูน: ล่าเตียงไส้กุ้ง

เพลินเมืองพริบพรี: ข้าวตังปลาหวาน

ทุ่งนา-ป่าตาล: สลัดหัวตาลอ่อน ปูก้อน

สนธิสัญญาเบาว์ริ่ง: ซุปสามกษัตริย์

เสด็จแปรพระราชฐาน: ข้าวแช่เมืองเพ็ชร์

พระราชอาคันตุกะมาเยือน: รูลาจสเต็กปลา  ซอสพริกพราน โพเตโต้ฟองดอง

สุริยุปราคาที่หว้ากอ: ไอศกรีมข้าวแช่

ชื่นจิตรสทิพย์: ชาเปลือกกล้วยหอม-มะตูม-เอิร์ลเกรย์

อ.ณปภา หอมหวน อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีและศิลปะการประกอบอาหาร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เล่าว่า เมนูเหล่านี้มาจากการรังสรรค์จาการผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นกับประวัติศาสตร์สมัย ร.4 ซึ่งมีอาคันตุกะมาเยี่ยมเยือน

เริ่มต้นด้วยความหอมสดชื่น กับน้ำลอยดอกมะลิอบควันเทียนที่ใช้เวลาถึง 15 ชั่วโมง เมนูเรียกน้ำย่อย 3 รายการ สื่อถึง 3 รสชาติแห่งเมืองเพชร ทั้งชมพู่เพชรสายรุ้งท๊อปด้วยยำส้มโอ , ล่าเตียงกุ้ง ซึ่งปรุงรสเค็มด้วยดอกเกลือบ้านแหลม และข้าวตังปลาหวาน ที่ใช้น้ำตาลโตนดเมืองเพชร กินคู่ปลาหวานจากบ้านแหลม ฯลฯ

ส่วนเครื่องดื่มระหว่างจานก็มี “น้ำผึ้งมะนาว”​ ซึ่งใช้น้ำผึ้งจากแก่งกระจาน และมะนาวจากบ้านลาดและท่ายาง รวมทั้ง “ม็อคเทลกล้วยหอมทอง” ที่หอมหวนชนหลงใหลสุด ๆ

เนื่องจากการรับรองอาคันตุกะซึ่งเป็นชาวยุโรป จึงมีการประยุกต์เมนูไทยกับฝรั่ง เป็นจานหลักอย่าง รูลาจสเต็กปลา ซอสพริกพราน โพเตโต้ฟองดอง แม้จะใช้เทคนิคแบบอาหารตะวันตก แต่ยังคงรสชาติไทย ๆ

น้ำผึ้งมะนาว มีการเรียงรสชาติ เบรกด้วยน้ำผึ้งมะนาว ที่ได้จากแก่งกระจาน มะนาวจากบ้านลาดและท่ายาง ทุกวัตถุดิบในวันนื้คัดเลือกโดดเด่นในจังหวัดมาเล่าเรื่องราวจากอาหารให้กับแขกผู้มี ได้สัมผัสประสบการณ์แห่งรสชาติ รูปสัม รสสัม เนื้อสัมผัส จะสร้างความประทับใจ

ข้าวแช่เมืองเพ็ชร

ส่วนจานหลักอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ “ข้าวแช่เมืองเพ็ชร” ซึ่งเป็นเมนูชาววังที่  “เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น” ในรัชกาลที่ 4 ได้นำมาเผยแพร่ จนทำให้ชาวเมืองเพชรได้รู้จักกับข้าวแช่และสืบทอดเป็นอาชีพเรื่อยมา จนปัจจุบันข้าวแช่เมืองเพชรมีอยู่มากกว่า 10 เจ้า นอกจากนั้นยังถอดสูตรจากข้าวแช่มาเป็นของหวานที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง “ไอศกรีมข้าวแช่”

เป็นมื้อพิเศษท่ามกลางความรื่นรมย์ ขณะที่บนลานการแสดงมีทั้งการเสวนาเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ การแสดงสื่อผสมมินิไลท์แอนด์ซาวด์ ปิดท้ายค่ำคืนด้วยความประทับใจกับการแสดงศิลปะพลุดอกไม้เพลิง 450 นัด


เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเมืองเพชร

ค่ำคืนแห่งความประทับใจผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่อยู่ในความทรงจำยังตราตรึง เช้าวันใหม่ที่ PBRU HERITAGE ต้อนรับเราด้วยอาหารเช้าอันเป็นเอกลักษณ์

จากนั้นอธิการบดีและทีมผู้บริหารโรงแรม PBRU HERITAGE ได้นำชมสถานที่ ซึ่งนอกจากห้องพักแล้ว ยังมีห้องประชุมสัมมนาและการจัดเลี้ยง รวมทั้งร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจากการสร้างสรรค์ของมหาวิทยาลัย อาทิ ลายผ้าที่สะท้อนเอกลักษณ์เมืองเพชร พร้อมสินค้าต่าง ๆ และหนังสือที่รวบรวมศิลปวัฒนธรรมของเมืองเพชรอันทรงคุณค่า

จากนั้นแวะไปที่ “สวนตาลลุงถนอม” อ.บ้านลาด ชมนวัตกรรมการจัดการเพื่อการท่องเที่ยวและศึกษาเรียนรู้ ก่อนจะไปซื้อของฝากกันที่ “โรงงานลุงอเนก ขนมหวานเมืองเพ็ชร์”  รับประทานอาหารเที่ยงที่ “ครัวลูกหว้า”​ แล้วแวะไป “สปาเกลือกังหันทอง”​ อ.บ้านแหลม ผ่อนคลายกับการแช่เท้าในน้ำเกลือ และนวดเท้าเพื่อสุขภาพ

จบทริปแบบครบรส เป็นอีกเส้นทางที่สวยสดงดงาม เปี่ยมไปด้วยคุณค่า ไม่ว่าจะเนิ่นนานผ่านไปก็ยังประทับใจที่ทุกครั้งที่ได้มาเที่ยวเพชรบุรี “เมือง 3 รส”​ เมืองไมซ์ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ

ประติมากรรมเกลือชิ้นล่าสุด ในงาน “ฮักเกลือหวาน” Art of Salt จุดชมวิวบางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี 14 – 16 มีนาคม 2568 (ภาพโครงสร้างของผลงาน “โอบกอดทะเล” เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2568 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการจัดสร้าง)

Post a comment

seven + fifteen =