Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน Tag

อพท. จับมือ 5 สถาบันการศึกษา สานพลังพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา หวังยกระดับการบริหารจัดการพื้นที่สู่เกณฑ์มาตรฐานสากล GSTC UCCN และ CBT Thailand ชูจุดขายวิถีชีวิตและวัฒนธรรม หนุนศักยภาพ เมืองเก่า-เกาะหมาก-ปากประ-ควนเคร็ง ขึ้นแท่นต้นแบบสายกรีน ส่วนสายมูชูเส้นทางเที่ยวชุมชนตามรอยหลวงพ่อทวด  ตั้งเป้าปี 2570 กระจายรายได้เพิ่ม 20% ในพื้นที่พิเศษ 3 จังหวัด  เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) พัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ร่วมกับ 5 สถาบันอุดมศึกษา โดยได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์

งานวิจัยและบทวิเคราะห์ใหม่ล่าสุดโดย Economist Impact ที่จัดทำขึ้นให้กับ Airbnb ได้สำรวจ 4,500 คนใน 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงประเทศไทย พบว่า คนไทยมากกว่า 90% ที่ตอบแบบสำรวจ ระบุว่า การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเกือบ 2 ใน 3 ของทั้งหมดบอกว่า พวกเขาจะคำนึงถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในแผนท่องเที่ยว และยินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน มิช โกห์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Airbnb เปิดเผยว่า “การเดินทางที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเปิดรับกับความยืดหยุ่น มองหาการใช้ชีวิตและการเดินทางแบบใหม่ๆ และทำให้เกิดเป็นแนวทางของนักเดินทางที่มีความใส่ใจมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น” “จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องของการเชื่อมต่อและเรื่องเศรษฐกิจ ผู้คนจึงได้เริ่มคิดและไตร่ตรองมากขึ้นถึงวิธีการเดินทางในการสร้างประโยชน์เชิงบวกให้กับชุมชนที่พวกเขาไปเยือน นักเดินทางเหล่านี้จะคิดอย่างถี่ถ้วนว่าจะใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์สูงสุดและส่งเสริมเศรษฐกิจเมืองและชุมชนได้อย่างไร นอกจากนั้น ยังต้องการซึมซับกับขนบธรรมเนียมวิถีชีวิตต่างๆ ในชุมชนเหล่านั้นและเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีในขณะเดียวกันก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการลดผลกระทบด้านลบที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นอีกด้วย” การเดินทางในรูปแบบของ “นักเดินทางมีความใส่ใจมากขึ้น” หรือ

 ‘Kind Dining กิน.กอด.โลก’ ชวนคนรุ่นใหม่ให้คำมั่นสัญญาไม่กินเนื้อสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ ดาราและผู้มีชื่อเสียง  เพื่อปกป้องและอนุรักษ์สัตวป่า รวมทั้งลดความเสี่ยงของโรคระบาดที่เกิดจากสัตว์ป่า เช่น ซาร์ส และอาจรวมถึงโควิด-19 เป้าหมายของการรณรงค์นี้ เพื่อลดความต้องการในการบริโภคเนื้อสัตว์ป่าผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยการกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ร่วมให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่บริโภคเนื้อสัตว์ป่าผิดกฎหมายพร้อมติดแฮทแท็ก  #SayNotoIllegalWild Meat นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ผมเชื่อว่าการรณรงค์เพื่อหยุดการบริโภคเนื้อสัตว์ป่าผิดกฎหมายมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหยุดการบริโภคก็จะช่วยให้สัตว์ป่ามีชีวิตและทำหน้าที่ในธรรมชาติของเขา ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของกรมอุทยานฯ ในการอนุรักษ์ คุ้มครอง และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า” [gallery columns="2" size="full" ids="25644,25643"] ความต้องการเนื้อสัตว์ป่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดการล่า ฆ่า และค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย นำมาสู่การลดจำนวนของสัตว์ป่า จนบางชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ นอกจากนั้นยังเพิ่มความเสี่ยงของการติดโรคจากสัตว์ป่าสู่คน อาทิ  เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโควิด-19 ซึ่งกำลังเป็นปัญหาทั่วโลก

เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ไทย หนุนตั้ง “เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของประเทศไทย” (Thailand Creative Cities Network  หรือ TCCN) ชู อพท. พี่เลี้ยงดันหลังเมืองที่ประสงค์เข้าสู่การเป็นเครือข่าย UCCN  ประเดินจัดเสวนาครั้งแรก เปิดเวทีระดมความคิด สร้างความรู้ความเข้าใจประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเมืองสร้างสรรค์ และเกณฑ์ของยูเนสโก  เป้าหมายขยายเส้นทางท่องเที่ยวเมืองสร้างสรรค์แห่งใหม่ มุ่งกระจายรายได้ท่องเที่ยว  สร้างเศรษฐกิจชุมชนสู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์โรดแมปชาติ 20 ปี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้เกิดการต่อยอดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนผ่านการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค เพื่อเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจฐานชีวภาพให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกรอบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ได้กำหนดเป้าหมายทิศทางการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต โดยมุ่งพลิกโฉมประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มี

อพท. ขยายเครือข่าย อพท. น้อย คลัสเตอร์อีสานใต้ เดินสายเชิญชวนและให้ความรู้มาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งเป้าปี 64 มีหน่วยงานผ่านเกณฑ์อย่างน้อย 7  แห่ง เล็งปีนี้เดินหน้าขยายผลคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ให้เกิดเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ พร้อมนำเสนอข้อดีของการเป็นเครือข่าย อพท. มี แอพพลิเคชั่น ช่วยสนับสนุนข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษของ อพท. นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. มอบสำนักพัฒนาขีดความสามารถการท่องเที่ยว (สพข.) และสำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมอีสานใต้ จัดประชุมชี้แจงความสำคัญและแนวทางการดำเนินงานตามมาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Management Standard: STMS) ให้แก่หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี

อพท. ยกระดับจังหวัดเลยเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับเวิร์ลคลาส (World Class Destinations) เมืองท่องเที่ยวและพักผ่อน ระดับสากล ชูความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมและวิถีชีวิต ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเลย ให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวและพักผ่อน หรือ Leisure Loei  องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้นำหลักเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ GSTC และเกณฑ์การท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือ CBT เป็นหลักในการพัฒนาให้พื้นที่และชุมชนเกิดความยั่งยืน อพท. ยังได้นำ นโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่กำหนดไว้ 4 ด้าน เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยว ได้แก่ Safe การท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย Clean สะอาดสวยงาม

[caption id="attachment_18974" align="aligncenter" width="900"] วิวแม่น้ำท่าจีนจากห้องพัก[/caption] นับจากปี พ.ศ.2505 ก้าวสู่ 58 ปีของสวนสามพราน  ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากรุ่นคุณปู่คุณย่าที่เข้ามามองหาพื้นที่สร้างบ้านพักริมแม่น้ำ สืบสานเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตกทอดมาถึงรุ่นคุณพ่อคุณแม่ จนมาถึง Gen 3 ลูกหลานคนรุ่นใหม่ ซึ่งตั้งใจให้สวนสามพราน ก้าวสู่พื้นที่สร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ พร้อมเชิดชูวิถีธรรมชาติแบบไทยๆ เปิดให้ทุกคนเข้ามาเที่ยวชม หลายคนเคยมาท่องเที่ยวหรือพักผ่อนที่สวนสามพราน ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าเพื่อมุ่งหาความยั่งยืน ก่อเกิดเป็นเครือข่าย สามพรานโมเดล จนเป็นหนึ่งต้นแบบของวิถีเกษตรของประเทศไทย ที่ดีต่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะส่งต่อแนวคิดที่ดีนี้ไปยังหน่วยงานหรือองค์กรอื่นๆ เพื่อสร้างสังคมที่สุขใจ ทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้บริโภค เป็นรากฐานความสมดุลในวิถีธรรมชาติที่ใครได้มาสัมผัสแล้วจะหลงรัก สวนสามพรานก่อตั้งในปีพ.ศ. 2505  โดยเป็นแหล่งนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ใกล้กรุงเทพฯ ที่ถ่ายทอดวิถีความเป็นไทยผ่านกิจกรรมในหมู่บ้านไทย และโรงละคร โดยหลังจากสวนสามพราน ได้เป็นผู้นำร่วมขับเคลื่อนระบบอาหารยั่งยืนภายใต้สามพรานโมเดล(โมเดลธุรกิจเกื้อกูลสังคม)  ตั้งแต่ปี