Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

Praya Palazzo บ้านแห่งความรัก มุมลับสำรับไทย

ได้ชื่อว่า “บ้านแห่งความรัก”​ เพราะดั้งเดิมเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นขุนนางที่พบรักกับหญิงสาวชาววัง จากนั้นก็ตกลงปลงใจร่วมหอครองเรือนในคฤหาสน์แสนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนมีทายาทด้วยกัน 10 คน

กลิ่นอายของความโรแมนติกแบบย้อนยุค ทำให้ปัจจุบัน “บ้านบางยี่ขัน” หรือ “พระยาพาลาซโซ” อยู่ในช่วงเวลาแห่งความทรงจำแสนพิเศษของใครหลายคน

เรื่องราวกว่า 100 ปีของ “พระยาพาลาซโซ”​ ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามในหลากหลายแง่มุม จากบ้านแห่งความรัก มาสู่สถานที่แห่งโอกาสทางการศึกษา ก่อนที่ความรักจะพลิกฟื้นคืนอดีตอันทรงคุณค่ากลับมาอีกครั้ง

Praya Palazzo

สำหรับประวัติของพระยาพาลาซโซ  เป็นเรือนหอที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2466 ในสมัย “พระพุทธเจ้าหลวง” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในช่วงที่การค้าและการสัญจรทางน้ำมีความเฟื่องฟูมาก

บ้านหลังนี้เป็นของ “อำมาตย์เอก พระยาชลภูมิพานิช” ซึ่งเป็นขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่ง ที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระพุทธเจ้าหลวง ร.5 โดยรับราชกาลในกรมท่าซ้าย กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ตรวจสอบและจัดเก็บรายได้จากเรือสินค้าที่เดินเรือทะเลผ่านอ่าวไทยมายังแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งชาวจีน จาม (กัมพูชา) และญวน (เวียดนาม)

นี่คือเรือนหอที่พระพุทธเจ้าหลวงพระราชทานให้กับ “พระยาชลภูมิพานิช” ซึ่งพบรักกับ “คุณหญิงส่วน”(นามสกุลเดิมคือ อุทกภาชน์) ซึ่งเป็นข้าหลวงใกล้ชิดในพระยุคลบาทในสมเด็จฯ พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5

ความงดงามของบ้านริมน้ำเจ้าพระยาที่มีลักษณะแปลกตา จากสถาปัตยกรรมแบบยุโรป เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ที่ผ่านไปมาในนาม “บ้านบางยี่ขัน”

จากเรือนหอ สู่สถานศึกษา

ครอบครัว “อเนกวณิช” (นามสกุลที่ได้รับพระราชทานของพระยาชลภูมิพานิช) อาศัยอยู่ในบ้านบางยี่ขันท่ามกลางความรักความอบอุ่น จนมีสมาชิกครอบครัว 10 คน มาถึงปี พ.ศ. 2481 “พระยาชลภูมิพานิช” ได้ถึงแก่อนิจกรรม บ้านหลังนี้จึงได้รับการสืบทอดโดยบุตรชายคนที่ 7 “นายปานจิตติ์ อเนกวณิช”

ครอบครัวอาศัยอยู่ในบ้านบางยี่ขันมาระยะหนึ่ง จนถึงยุคที่ผู้คนเริ่มหันมาใช้รถแทนเรือกันมากขึ้น ทางครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ฝั่งพระนครในย่านสุขุมวิท เมื่อปี พ.ศ. 2489

นายปานจิตติ์ จึงโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้กับกลุ่มมุสลิมบางกอกน้อย (ปัจจุบันคือมูลนิธิมุสลิมกรุงเทพวิทยาทาน) เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนของ “โรงเรียนราชการุญ” แทนอาคารหลังเดิมในชุมชนบางกอกน้อยที่ถูกระเบิดทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

โรงเรียนราชการุญ เปิดโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสทุกศาสนาเข้ามาเล่าเรียนในราคาที่ย่อมเยาว์ มีทั้งแบบประจำและไปกลับ แต่เมื่อมาถึงปี พ.ศ.2521 ก็ต้องปิดตัวลงเนื่องจากปัญหาด้านเงินทุน

หลังจากปิดโรงเรียนไป 5 ปี ทางมูลนิธิฯ จึงปล่อยอาคารให้เอกชนเช่า นั่นคือ “โรงเรียนอินทรอาชีวศึกษา” แต่ภายหลังก็ต้องปิดตัวไปในปี พ.ศ. 2537

ห้องร่มโพธิ์

เรือนงามที่ถูกทิ้งร้าง

หลังจากปี 2537 อาคารแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างเอาไว้ จนกลายเป็นที่สงสัยของผู้คนที่ผ่านมาพบเห็น แม้จะรกร้างแต่คุณค่าและความงดงามที่ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของ ผศ. วิชัย พิทักษ์วรรัตน์” จากสวนสันติชัยปราการฝั่งบางลำพู สถาปนิกหนุ่มเพียรเฝ้ามองบ้านหลังนี้มานาน จึงริเริ่มโครงการฟื้นฟูอาคารหลังนี้ขึ้นมา

ความทรุดโทรมของบ้านที่ถูกทิ้งร้าง บางช่วงเวลาก็มีน้ำท่วมขัง ทำให้การบูรณะเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะการขนส่ง และความพยามทำให้ทุกอย่างใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด เป็นความมานะพยายามของสถาปนิก ช่าง และคนงาน จนมาถึง ปี พ.ศ. 2552 ความชื่นใจก็ทำให้ทุกคนหายเหนื่อย

เมื่อภาพของบ้านบางยี่ขันกลับมาอวดโฉมอีกครั้ง ทาง ผศ.วิชัย จึงได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “พระยาพาลาซโซ” ซึ่งคำว่าPalazzoเป็นภาษาอิตาลี แปลว่า “คฤหาสน์” อันหมายถึง “คฤหาสน์แห่งพระยาชลภูมิพานิช” ถือเป็นช่วงเวลาอันงดงาม ทำให้ชื่อของ “ดร.วิชัย” จารึกไว้ในความทรงจำ เพราะนี่คือผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนที่ท่านจะหลับไหลนิรันดร์กาลในปีเดียวกัน

โรงแรมลึกลับ

บางยี่ขันสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมพาลาดิโอ (Palladio) ซึ่งได้รับความนิยมในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5  สถาปัตยกรรมพาลาดิโอ หมายถึง “แอนเดรีย ปัลลาดิโอ” (Andrea Palladio) ซึ่งเป็นสถาปนิกชาวอิตาลี โดยเอกลักษณ์ของงานออกแบบสไตล์นี้ก็คือ ความสมมาตร สัดส่วนของอาคารที่ดูลงตัว ฯลฯ

ปัจจุบัน “พระยาพาลาซโซ” เป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปี่ยมได้ด้วยความงดงามและทรงคุณค่า มีห้องพักเพียง 15 ห้อง หากมองย้อนไปในอดีต คงจะพอนึกภาพออกได้ว่า นี่คือบ้านของครอบครัวใหญ่ ที่ใช้เป็นสถานศึกษาก็ได้

หลายคนบอกว่านี่คือโรงแรมลึกลับ เพราะอาศัยการเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก แต่นั่นกลายเป็นข้อได้เปรียบที่หาใดเทียบ เพราะเมื่อเข้ามาแล้วก็เท่ากับว่าจะได้ใช้เวลาเป็นส่วนตัวท่ามกลางบรรยากาศเงียบงามตั้งแต่ยามเช้าไปจนถึงหลับไหล ปัจจุบันมีการสร้างสระว่ายน้ำไว้ด้านหน้า ลองคิดดูว่าจะชิลขนาดไหน

ห้องร่มโพธิ์

บ้านแห่งความรัก

ด้วยตัวสถาปัตยกรรมและสีสันอันโดดเด่น เต็มไปด้วยรายละเอียดของการออกแบบอย่างลงตัว พร้อมกลิ่นอายของอดีตอันงดงามไม่เหมือนที่ไหน ประกอบกับที่มาของบ้านที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นจนมีลูกเต็มบ้าน สถานที่แห่งนี้จึงได้รับความนิยมสำหรับคู่แต่งงาน โดยมี “ห้องร่มโพธิ์” ชั้น 2 ส่วนกลางของอาคาร เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานพิธีแต่งงาน สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ โดยไม่ต้องรองานแต่ง ทางโรงแรมก็มีบริการให้เช้าชุดไทยเพื่อใส่ถ่ายรูปอีกด้วย

สำหรับห้องพักของ Praya Palazzo Hotel จำนวน 15 ห้อง จะอยู่ชั้น 1 และชั้น 2 แบ่งออกเป็นปีกซ้ายและขวา มีหลากหลายให้เลือกเข้าตั้งแต่ห้องสุพีเรียร์ขนาด 25 ตารางเมตร ไปจนถึง ห้องลักซ์ชัวรีสวีท และเจ้าพระยาสวีท ขนาด 45 ตารางเมตรซึ่งมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

ถือเป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความสวยงาม เงียบสงบ แต่ก็เต็มไปด้วยความสะดวกที่ครบครัน ทำเลแบบนี้ กับคฤหาสถ์หรูที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้ นับว่าหาได้ยากมาก

สำรับไทยโบราณ พระยาไดนิ่ง

ความโดดเด่นที่เป็นไฮไลต์ห้ามพลาด และบอกได้เลยว่าเด็ดจริง การันตีจากคนชิมที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เลิศ” ที่ “พระยาไดนิ่ง” ในโรงแรมพระยาพาลาซโซ นำเสนอตำรับอาหารชาววังระดับมิชลินไกด์ถึง 7 ปีซ้อน

พระยาไดนิ่ง พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยโบราณ หลายเมนูหาได้ยากมากอีกด้วย เช่น “หมูผัดส้มเสี้ยว”เอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน เป็นเมนูที่มีหน้าตาธรรมดา ๆ เหมือนหมูผัดซอส รสชาติกลมกล่อม หอมส้มเสี้ยว วัตถุดิบจากทางเหนือและอีสาน อีกทั้งยังมีสูตรลับที่เชฟไม่อาจเปิดเผยได้

“หมูผัดส้มเสี้ยว” เป็นหนึ่งในเมนูที่ได้รับ “MICHELIN Plate”  จากมิชลิน พร้อมด้วย “แสร้งว่ากุ้ง”เมนูโบราณหายาก ด้วยขั้นตอนการทำที่ซับซ้อน

ตำรับชาววังที่พระยาไดนิ่งยังมีอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่มาจากความพิถีพิถัน อันเป็นเสน่ห์ของอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็น กระทงทอง, ล่าเตียง, ยำส้มโอกุ้งสด, แกงมัสมั่น, แกงรัญจวน, ปลากะพงเจี๋ยนมะขาม, ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ ฯลฯ แต่ละเมนูนำเสนอได้สวยสดงดงาม รสชาติดี วัตถุดิบเยี่ยม ส่วนของหวานก็ล้ำลึกไม่แพ้กัน วันนี้ได้ลอง “อินทนิลบัวลอยลูกตาล” รสละมุน นี่แหละของหวานไทยแท้ หอมกะทิและงาคั่วสุด ๆ

ด้านเครื่องดื่มก็มีให้เลือกจิบหลายรูปแบบ วันนี้ได้ลองน้องใหม่อย่าง “ชื่นจิต” เป็นการผสมผสานของมะม่วงและมินต์ได้อย่างลงตัว สดชื่น ชื่นใจดังชื่อ ส่วน “Palazzo in Love” ส่วนผสมของสตรอเบอรี่กับมะม่วง ทั้งสีสันและรสชาติจี๊ดจ๊าด เลิฟสุด ๆ

บรรยากาศภายในร้านยังอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งวันวาน ถือเป็นช่วงเวลาที่ได้นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวดี ๆ   จะแวะมาจิบกาแฟ หรือจิบไวน์เบา ๆ ก็เพลิดเพลินจำเริญใจยิ่งนัก

ถ้าความรักคือการใส่ใจ นี่คงเป็นอีกความหมายอีกอย่างของบ้านหลังนี้ Praya Palazzo


Praya Palazzo

การเดินทาง

  • หากเป็นการเดินทางโดยแท็กซี่ เรือโรงแรม จะไปรับที่ท่าเรือพระอาทิตย์ (โรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม)
  • หากนำรถมาเอง สามารถจอดรถได้ที่ วัดราชาธิวาส สามเสน ซอย 9 เมื่อมาถึงท่าเรือ สามารถโทรเรียกเรือได้ที่ 0814028118

ท่าเรือพระอาทิตย์ GPS: Phra Athit Pier https://maps.app.goo.gl/un4f9VmeL9cubtvS7

ท่าเรือวัดราชาธิวาส (ที่จอดรถ) Ratchathiwat Temple, Soi Samsen 9

GPS: Wat Ratchathiwat Wihan, Samsen Soi 9 https://goo.gl/maps/q389Rw8TNtnF51cM6

Phone number: +6681 4028118 or +66 28 832 998

Website: https://www.prayapalazzo.com/

E-mail: reservation@prayapalazzo.com

Address: 757/1 Somdej Prapinklao Soi 2, Bangyeekhan Bangplad, Bangkok 10700 Thailand

Post a comment

twelve − one =