
Praya Palazzo บ้านแห่งความรัก มุมลับสำรับไทย
ได้ชื่อว่า “บ้านแห่งความรัก” เพราะดั้งเดิมเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นขุนนางที่พบรักกับหญิงสาวชาววัง จากนั้นก็ตกลงปลงใจร่วมหอครองเรือนในคฤหาสน์แสนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนมีทายาทด้วยกัน 10 คน
กลิ่นอายของความโรแมนติกแบบย้อนยุค ทำให้ปัจจุบัน “บ้านบางยี่ขัน” หรือ “พระยาพาลาซโซ” อยู่ในช่วงเวลาแห่งความทรงจำแสนพิเศษของใครหลายคน
เรื่องราวกว่า 100 ปีของ “พระยาพาลาซโซ” ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามในหลากหลายแง่มุม จากบ้านแห่งความรัก มาสู่สถานที่แห่งโอกาสทางการศึกษา ก่อนที่ความรักจะพลิกฟื้นคืนอดีตอันทรงคุณค่ากลับมาอีกครั้ง
Praya Palazzo
สำหรับประวัติของพระยาพาลาซโซ เป็นเรือนหอที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2466 ในสมัย “พระพุทธเจ้าหลวง” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในช่วงที่การค้าและการสัญจรทางน้ำมีความเฟื่องฟูมาก
บ้านหลังนี้เป็นของ “อำมาตย์เอก พระยาชลภูมิพานิช” ซึ่งเป็นขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่ง ที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระพุทธเจ้าหลวง ร.5 โดยรับราชกาลในกรมท่าซ้าย กระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ตรวจสอบและจัดเก็บรายได้จากเรือสินค้าที่เดินเรือทะเลผ่านอ่าวไทยมายังแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งชาวจีน จาม (กัมพูชา) และญวน (เวียดนาม)
นี่คือเรือนหอที่พระพุทธเจ้าหลวงพระราชทานให้กับ “พระยาชลภูมิพานิช” ซึ่งพบรักกับ “คุณหญิงส่วน”(นามสกุลเดิมคือ อุทกภาชน์) ซึ่งเป็นข้าหลวงใกล้ชิดในพระยุคลบาทในสมเด็จฯ พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5
ความงดงามของบ้านริมน้ำเจ้าพระยาที่มีลักษณะแปลกตา จากสถาปัตยกรรมแบบยุโรป เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ที่ผ่านไปมาในนาม “บ้านบางยี่ขัน”
จากเรือนหอ สู่สถานศึกษา
ครอบครัว “อเนกวณิช” (นามสกุลที่ได้รับพระราชทานของพระยาชลภูมิพานิช) อาศัยอยู่ในบ้านบางยี่ขันท่ามกลางความรักความอบอุ่น จนมีสมาชิกครอบครัว 10 คน มาถึงปี พ.ศ. 2481 “พระยาชลภูมิพานิช” ได้ถึงแก่อนิจกรรม บ้านหลังนี้จึงได้รับการสืบทอดโดยบุตรชายคนที่ 7 “นายปานจิตติ์ อเนกวณิช”
ครอบครัวอาศัยอยู่ในบ้านบางยี่ขันมาระยะหนึ่ง จนถึงยุคที่ผู้คนเริ่มหันมาใช้รถแทนเรือกันมากขึ้น ทางครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ฝั่งพระนครในย่านสุขุมวิท เมื่อปี พ.ศ. 2489
นายปานจิตติ์ จึงโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้กับกลุ่มมุสลิมบางกอกน้อย (ปัจจุบันคือมูลนิธิมุสลิมกรุงเทพวิทยาทาน) เพื่อใช้เป็นอาคารเรียนของ “โรงเรียนราชการุญ” แทนอาคารหลังเดิมในชุมชนบางกอกน้อยที่ถูกระเบิดทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
โรงเรียนราชการุญ เปิดโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสทุกศาสนาเข้ามาเล่าเรียนในราคาที่ย่อมเยาว์ มีทั้งแบบประจำและไปกลับ แต่เมื่อมาถึงปี พ.ศ.2521 ก็ต้องปิดตัวลงเนื่องจากปัญหาด้านเงินทุน
หลังจากปิดโรงเรียนไป 5 ปี ทางมูลนิธิฯ จึงปล่อยอาคารให้เอกชนเช่า นั่นคือ “โรงเรียนอินทรอาชีวศึกษา” แต่ภายหลังก็ต้องปิดตัวไปในปี พ.ศ. 2537

ห้องร่มโพธิ์
เรือนงามที่ถูกทิ้งร้าง
หลังจากปี 2537 อาคารแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างเอาไว้ จนกลายเป็นที่สงสัยของผู้คนที่ผ่านมาพบเห็น แม้จะรกร้างแต่คุณค่าและความงดงามที่ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของ “ผศ. วิชัย พิทักษ์วรรัตน์” จากสวนสันติชัยปราการฝั่งบางลำพู สถาปนิกหนุ่มเพียรเฝ้ามองบ้านหลังนี้มานาน จึงริเริ่มโครงการฟื้นฟูอาคารหลังนี้ขึ้นมา
ความทรุดโทรมของบ้านที่ถูกทิ้งร้าง บางช่วงเวลาก็มีน้ำท่วมขัง ทำให้การบูรณะเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะการขนส่ง และความพยามทำให้ทุกอย่างใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด เป็นความมานะพยายามของสถาปนิก ช่าง และคนงาน จนมาถึง ปี พ.ศ. 2552 ความชื่นใจก็ทำให้ทุกคนหายเหนื่อย
เมื่อภาพของบ้านบางยี่ขันกลับมาอวดโฉมอีกครั้ง ทาง ผศ.วิชัย จึงได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “พระยาพาลาซโซ” ซึ่งคำว่า “Palazzo” เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า “คฤหาสน์” อันหมายถึง “คฤหาสน์แห่งพระยาชลภูมิพานิช” ถือเป็นช่วงเวลาอันงดงาม ทำให้ชื่อของ “ดร.วิชัย” จารึกไว้ในความทรงจำ เพราะนี่คือผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนที่ท่านจะหลับไหลนิรันดร์กาลในปีเดียวกัน
โรงแรมลึกลับ
บางยี่ขันสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมพาลาดิโอ (Palladio) ซึ่งได้รับความนิยมในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สถาปัตยกรรมพาลาดิโอ หมายถึง “แอนเดรีย ปัลลาดิโอ” (Andrea Palladio) ซึ่งเป็นสถาปนิกชาวอิตาลี โดยเอกลักษณ์ของงานออกแบบสไตล์นี้ก็คือ ความสมมาตร สัดส่วนของอาคารที่ดูลงตัว ฯลฯ
ปัจจุบัน “พระยาพาลาซโซ” เป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปี่ยมได้ด้วยความงดงามและทรงคุณค่า มีห้องพักเพียง 15 ห้อง หากมองย้อนไปในอดีต คงจะพอนึกภาพออกได้ว่า นี่คือบ้านของครอบครัวใหญ่ ที่ใช้เป็นสถานศึกษาก็ได้
หลายคนบอกว่านี่คือโรงแรมลึกลับ เพราะอาศัยการเดินทางด้วยเรือเป็นหลัก แต่นั่นกลายเป็นข้อได้เปรียบที่หาใดเทียบ เพราะเมื่อเข้ามาแล้วก็เท่ากับว่าจะได้ใช้เวลาเป็นส่วนตัวท่ามกลางบรรยากาศเงียบงามตั้งแต่ยามเช้าไปจนถึงหลับไหล ปัจจุบันมีการสร้างสระว่ายน้ำไว้ด้านหน้า ลองคิดดูว่าจะชิลขนาดไหน

ห้องร่มโพธิ์
บ้านแห่งความรัก
ด้วยตัวสถาปัตยกรรมและสีสันอันโดดเด่น เต็มไปด้วยรายละเอียดของการออกแบบอย่างลงตัว พร้อมกลิ่นอายของอดีตอันงดงามไม่เหมือนที่ไหน ประกอบกับที่มาของบ้านที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นจนมีลูกเต็มบ้าน สถานที่แห่งนี้จึงได้รับความนิยมสำหรับคู่แต่งงาน โดยมี “ห้องร่มโพธิ์” ชั้น 2 ส่วนกลางของอาคาร เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานพิธีแต่งงาน สำหรับใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ โดยไม่ต้องรองานแต่ง ทางโรงแรมก็มีบริการให้เช้าชุดไทยเพื่อใส่ถ่ายรูปอีกด้วย
สำหรับห้องพักของ Praya Palazzo Hotel จำนวน 15 ห้อง จะอยู่ชั้น 1 และชั้น 2 แบ่งออกเป็นปีกซ้ายและขวา มีหลากหลายให้เลือกเข้าตั้งแต่ห้องสุพีเรียร์ขนาด 25 ตารางเมตร ไปจนถึง ห้องลักซ์ชัวรีสวีท และเจ้าพระยาสวีท ขนาด 45 ตารางเมตรซึ่งมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
ถือเป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีความสวยงาม เงียบสงบ แต่ก็เต็มไปด้วยความสะดวกที่ครบครัน ทำเลแบบนี้ กับคฤหาสถ์หรูที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้ นับว่าหาได้ยากมาก
สำรับไทยโบราณ พระยาไดนิ่ง
ความโดดเด่นที่เป็นไฮไลต์ห้ามพลาด และบอกได้เลยว่าเด็ดจริง การันตีจากคนชิมที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เลิศ” ที่ “พระยาไดนิ่ง” ในโรงแรมพระยาพาลาซโซ นำเสนอตำรับอาหารชาววังระดับมิชลินไกด์ถึง 7 ปีซ้อน
พระยาไดนิ่ง พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยโบราณ หลายเมนูหาได้ยากมากอีกด้วย เช่น “หมูผัดส้มเสี้ยว”เอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน เป็นเมนูที่มีหน้าตาธรรมดา ๆ เหมือนหมูผัดซอส รสชาติกลมกล่อม หอมส้มเสี้ยว วัตถุดิบจากทางเหนือและอีสาน อีกทั้งยังมีสูตรลับที่เชฟไม่อาจเปิดเผยได้
- หมูผัดส้มเสี้ยว
- แสร้งว่ากุ้ง
“หมูผัดส้มเสี้ยว” เป็นหนึ่งในเมนูที่ได้รับ “MICHELIN Plate” จากมิชลิน พร้อมด้วย “แสร้งว่ากุ้ง”เมนูโบราณหายาก ด้วยขั้นตอนการทำที่ซับซ้อน
- กระทงทอง
- แกงรัญจวนเนื้อ
ตำรับชาววังที่พระยาไดนิ่งยังมีอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่มาจากความพิถีพิถัน อันเป็นเสน่ห์ของอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็น กระทงทอง, ล่าเตียง, ยำส้มโอกุ้งสด, แกงมัสมั่น, แกงรัญจวน, ปลากะพงเจี๋ยนมะขาม, ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ ฯลฯ แต่ละเมนูนำเสนอได้สวยสดงดงาม รสชาติดี วัตถุดิบเยี่ยม ส่วนของหวานก็ล้ำลึกไม่แพ้กัน วันนี้ได้ลอง “อินทนิลบัวลอยลูกตาล” รสละมุน นี่แหละของหวานไทยแท้ หอมกะทิและงาคั่วสุด ๆ
- ชื่นจิต
- Palazzo in Love
ด้านเครื่องดื่มก็มีให้เลือกจิบหลายรูปแบบ วันนี้ได้ลองน้องใหม่อย่าง “ชื่นจิต” เป็นการผสมผสานของมะม่วงและมินต์ได้อย่างลงตัว สดชื่น ชื่นใจดังชื่อ ส่วน “Palazzo in Love” ส่วนผสมของสตรอเบอรี่กับมะม่วง ทั้งสีสันและรสชาติจี๊ดจ๊าด เลิฟสุด ๆ
บรรยากาศภายในร้านยังอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งวันวาน ถือเป็นช่วงเวลาที่ได้นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวดี ๆ จะแวะมาจิบกาแฟ หรือจิบไวน์เบา ๆ ก็เพลิดเพลินจำเริญใจยิ่งนัก
ถ้าความรักคือการใส่ใจ นี่คงเป็นอีกความหมายอีกอย่างของบ้านหลังนี้ Praya Palazzo
- สำหรับผู้ที่ขับรถมาจอดที่วัดราชาธิวาส จะมีเรือของทางโรงแรมมารับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที
Praya Palazzo
การเดินทาง
- หากเป็นการเดินทางโดยแท็กซี่ เรือโรงแรม จะไปรับที่ท่าเรือพระอาทิตย์ (โรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม)
- หากนำรถมาเอง สามารถจอดรถได้ที่ วัดราชาธิวาส สามเสน ซอย 9 เมื่อมาถึงท่าเรือ สามารถโทรเรียกเรือได้ที่ 0814028118
ท่าเรือพระอาทิตย์ GPS: Phra Athit Pier https://maps.app.goo.gl/un4f9VmeL9cubtvS7
ท่าเรือวัดราชาธิวาส (ที่จอดรถ) Ratchathiwat Temple, Soi Samsen 9
GPS: Wat Ratchathiwat Wihan, Samsen Soi 9 https://goo.gl/maps/q389Rw8TNtnF51cM6
Phone number: +6681 4028118 or +66 28 832 998
Website: https://www.prayapalazzo.com/
E-mail: reservation@prayapalazzo.com
Address: 757/1 Somdej Prapinklao Soi 2, Bangyeekhan Bangplad, Bangkok 10700 Thailand