Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]
มองมุมพลิ้วไหว ซุกอุ่นไอหนาว ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

มุมพลิ้วไหว อุ่นไอหนาว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

เรื่อง/ภาพ ลานลม
ถ้าลมหนาวรู้ว่ามีคนคอยอยู่มากแค่ไหน คงไม่รีบจากไป หลังจากที่แวะมาทักทายเมืองกรุงเพียงไม่กี่วัน นี่แกล้งกันหรือตั้งใจ
กรุงเทพฯจะหนาวไม่หนาวก็ไม่ต้องสนใจ เพราะสายลมก็พัดโชยแล้วในหลายพื้นที่ ไม่ต้องเดินทางไปไกล แค่จังหวัดใกล้ๆ อย่างลพบุรี บอกได้เลยว่าตอนนี้ ฟิน…มาก
บรรยากาศบนสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในวันนี้ อ้าแขนเปิดรับนักท่องเที่ยวผู้คลั่งไคล้สายลม ด้วยทัศนียภาพที่กว้างไกล ของเขื่อนขนาดใหญ่ที่กักเก็บน้ำไว้อย่างเต็มปริ่ม
เฉพาะรถรางเท่านั้น ที่จะนำท่านขึ้นไปบนสันเขื่อน ซึ่งเชื่อมโยงพื้นที่ จังหวัดลพบุรีและสระบุรีเข้าไว้ด้วยกัน หลังจากข้ามสันเขื่อนจากอีกฝั่งหนึ่งไปสู่อีกฝั่งหนึ่งแล้ว จะพบกับความตระหง่านงามของ “พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิมงคลชัย” หรือ “หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก” ซึ่งส่วนใหญ่รถรางจะจอดให้เราแวะในจุดนี้ราว 30 นาที
เราจึงมีเวลาอิสระที่จะเดินเหินไปตามลม อ้อมไปทางด้านหลังขององค์พระ คือ แนวตลิ่งของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในวันนี้มีดอกหญ้ากลุ่มเล็กๆ ปลิวไหว ท้าทายฉากแห่งขุนเขา

ย้อนมองกลับไปที่ด้านหลังขององค์พระ พบว่าวันนี้มีทุ่งปอเทืองแนวเตี้ยๆ กระจายตัวอยู่เต็มพื้นที่ ท่ามกลางพงหญ้าที่แอบรกเบาๆ พอเป็นอุปสรรค
ทุ่งเหลืองอร่ามตัดกับองค์พระสีขาวนวล แม้จะมองจากด้านหลัง ก็ยังงดงาม นึกถึงอะไรขึ้นได้หลายอย่าง เบื้องหลังที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ ก็มีคุณค่าไม่แพ้การแสดงออกจากด้านหน้า และการแสวงหา ก็ทำให้เราพบเจออยู่เสมอ ถึงมันจะเป็นทุ่งที่ไม่ได้รับการดูแลให้เป็นสัดเป็นส่วนพร้อมรับนักท่องเที่ยว แต่ก็ถูกใจคนชอบเลี้ยวออกนอกเส้นทางทางอย่างเราอยู่ไม่น้อย

จากสันเขื่อนฝั่งหนึ่งถึงสันเขื่อนอีกฝั่ง ย้อนกลับมาบริเวณประตูระบายน้ำ เห็นชาวบ้านเข้ามาตกปลากันอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ที่ดึงสายตาได้มากยิ่งกว่า คือแนวทุ่งหญ้าที่พัดพลิ้วปกคลุมอยู่เต็มพื้นที่ มองแล้วก็สบายตา สบายใจดี ไม่ได้นึกเปรียบเทียบว่าเหมือนอยู่ที่ไหนหรอกนะ เพราะยืนอยู่ที่นี่ และง่ายงามตามแบบฉบับของดินแดนแห่งนี้ อย่างที่ควรจะเป็น
เป็นเพียงมุมมองเล็กๆ ในวันที่เดินทางมายังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ซึ่งในแต่ละครั้งภาพของสถานที่ก็แตกต่างกันไปตามฤดูกาล มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังยึดมั่นและเปี่ยมล้นอยู่ในใจ ด้วยพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งได้มีพระราชดำริให้สร้างเขื่อนแห่งนี้ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งเรื่องน้ำท่วมและน้ำแล้ง ให้กับพื้นที่ภาคกลาง และปัจจุบันก็เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

ลมหนาวจะมาเยือนเมืองกรุงอีกไหม ก็ไม่เป็นไร เพราะยังสามารถเดินทางออกไปตามหาสายลมกันได้ในหลายพื้นที่ อย่างลพบุรีซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งช่วงนี้ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก็มีสายลมเย็นๆ คลอเคล้ากันตลอดทั้งวัน ภายใต้บรรยากาศอย่างที่เราพบเห็นมา
แต่การบันทึกภาพ ก็ยังไม่สามารถเก็บความชื่นใจของสายลมมาฝากกันได้ เพราะสายลมที่ไม่เคยมองเห็น ต้องการเพียงความรู้สึกของตัวเราเท่านั้น ในการบันทึกไว้ในความทรงจำ

เบื้องหลังที่ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ ก็มีคุณค่าไม่แพ้การแสดงออกจากด้านหน้า

Post a comment

eighteen − four =