Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

“ฝุ่นในสายลม”

“ฝุ่นในสายลม” “Dust in the Wind” บทเพลงอมตะของ Kansas วงดนตรีร็อกระดับตำนานจากอเมริกา ในอัลบั้ม Point of Know Return เปิดตัวครั้งแรกในปี 1977 โดดเด่นด้วยความเรียบง่าย เต็มไปด้วยความงดงามของเมโลดี้ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกสงบ ลึกซึ้ง สะท้อนอารมณ์อย่างนุ่มนวลด้วยความเรียบง่าย และงดงามของเมโลดี้ที่เต็มไปด้วยความจริงใจ งามในความธรรมดา ทำให้บทเพลงนี้สร้างความไพเราะอันเกิดจากการหลอมรวมความละเอียดอ่อน และทรงพลัง เข้าด้วยกัน

https://youtu.be/tH2w6Oxx0kQ?feature=shared

ทั้งจากเสียงกีตาร์โปร่งที่เล่นด้วยเทคนิค fingerpicking เปล่งเสียงออกมานุ่มนวล ลื่นไหล สร้างบรรยากาศที่ชวนให้ผู้ฟังจมดิ่งไปกับความงามของธรรมชาติ และการไตร่ตรองถึงชีวิต

ทั้งจากเสียงไวโอลินที่เพิ่มเข้ามาในบางช่วงของบทเพลง ช่วยเติมความเศร้าให้กับอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง

ทั้งจากการเสียงประสานที่เพิ่มมิติ และความลุ่มลึกให้กับบทเพลง เมื่อเสียงร้องของ Steve Walsh ผสานเข้ากับเสียงประสานของวง เมื่อได้ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการโอบกอดจากวงแขนอบอุ่น สะเทือนอารมณ์

เพลงนี้จึงมีความไพเราะที่ไม่ได้เกิดจากความซับซ้อน แต่เป็นการออกแบบให้เมโลดี้ และเครื่องดนตรีถ่ายทอดความรู้สึกที่ตรงไปตรงมา ให้สัมผัสใจผู้ฟัง

เนื้อเพลงพูดถึงความเปราะบางของชีวิต เปรียบเทียบความเป็นไปของมนุษย์และสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเหมือนเป็น “ฝุ่นในสายลม” (Dust in the Wind) ที่สามารถถูกพัดหายไปได้ทุกเมื่อ สะท้อนถึงแนวคิดปรัชญา และมุมมองที่เรียบง่ายแต่กินใจ ทำให้ยังคงเป็นบทเพลงอมตะที่ฟังแล้วตราตรึงใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด

หากมองหาบทเพลงที่มีความหมายลึกซึ้ง แฝงปรัชญา เน้นถึงความเปราะบางของชีวิต ความไม่จีรังของสรรพสิ่ง เตือนสติให้เห็นว่าชีวิตเป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่หมุนเวียน เช่นเดียวกับ “Dust in the Wind” นั้น มีอยู่มากมายในวงการเพลงทั่วโลก หลายเพลงเลือกใช้เนื้อร้องที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายซ่อนเร้น บางเพลงสะท้อนถึงชีวิต ความรัก การสูญเสีย หรือแม้แต่ความหมายของการมีตัวตน อาทิ

1. “Blowing in the Wind” – Bob Dylan

เพลงนี้ตั้งคำถามถึงความสำคัญของชีวิต สันติภาพ และความยุติธรรมในโลก ใช้ลม (wind) เป็นสัญลักษณ์ของคำตอบที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณุของธรรมชาติ แต่ยากที่จะจับต้องได้

2. “Yesterday” – The Beatles

สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของชีวิต การไม่อาจหวนกลับไปในวันวาน เหมือนความทรงจำในอดีตที่ผ่านไปเหมือนสายลม 

https://youtu.be/sTJ7AzBIJoI?feature=shared

3. “Everybody’s Free (To Wear Sunscreen)” – Baz Luhrmann

เปรียบเสมือนคำแนะนำต่อชีวิต  เตือนสติว่าชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราว เป็นสิ่งสมมติ ทุกสิ่งล้วนมีขึ้นมีลง เหมือนฝุ่นที่ล่องลอยในอากาศ

4. “Boulevard of Broken Dreams” – Green Day

แม้เพลงนี้จะเน้นเรื่องความเหงา และการเดินทางคนเดียวในชีวิต แต่ยังสะท้อนถึงความไม่แน่นอน ความเปราะบางของตัวตน ในโลกที่ไม่เคยหยุดหมุน

5. “The Scientist” – Coldplay

สะท้อนถึงความสับสนในชีวิต  การพยายามแก้ปัญหาที่ไม่อาจแก้ได้ เสมือนหนึ่งยอมรับว่า เราทุกคนล้วนเป็นเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่

บทเพลงเหล่านี้ล้วนคล้ายคลึงกับ “Dust in the Wind” เตือนใจให้เราเห็นถึงความเปราะบางของชีวิต ทุกสิ่งล้วนคงอยู่ชั่วคราว การรับรู้ถึงสัจธรรมเช่นนี้ สามารถช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะ  เห็นถึงคุณค่าของสิ่งเล็กน้อยในชีวิตได้มากยิ่งขึ้น

หากชีวิตเป็นเสมือนฝุ่นในสายลม ถูกพัดพาไปตามกระแส ล่องลอย ไร้ทิศทางที่ชัดเจน ไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้ ต้องปล่อยใจให้รับกับทุกความเปลี่ยนแปลง แต่ในความเป็นสิ่งเล็กน้อยในสายลมนั้น มันกลับมีความหมาย เพราะแม้จะเป็นเพียงฝุ่นผงเล็กจิ๋ว เป็นเพียงผงธุลีในสายลม แต่ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่บนโลกใบนี้ 

เราสามารถเลือกที่จะเปล่งประกายในเส้นทางของเรา สร้างช่วงเวลาสำคัญ แม้จะเพียงชั่วครู่ บนเส้นทางของสายลมพัดพา

ขึ้นอยู่กับเราที่จะสร้างช่วงเวลาที่เป็นเพียงฝุ่นในสายลมนั้น ให้เศร้า หรืองดงาม?

Post a comment

two − one =