Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

ล่องเรือชมเหยี่ยวแดง แห่งแม่น้ำเวฬุ จันทบุรี

เท่าที่พบเจอมาในประเทศไทย วิธีการชมเหยี่ยวแดงที่ง่ายดายที่สุด คือ ไปที่ร้านอาหารคนพลัดถิ่น จ.ตราด ช่วงเวลาหลักที่ทางร้านจะเรียกฝูงเหยี่ยวมาด้วยการให้อาหาร คือ ช่วงเที่ยงไปจนถึงบ่ายสาม สั่งอาหารแล้วนั่งรอชมกันได้เลย

ด้วยสภาพของป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ สอดคล้องกับแหล่งอาศัยของเจ้าเหยี่ยวแดงในบริเวณปากอ่าว บวกกับความบังเอิญของเจ้าของร้านที่ขุดบ่อตกปลาขึ้นมา เมื่อให้อาหารปลาก็มีเจ้าเหยี่ยวเข้ามาขอเอี่ยว จากนั้นพวกมันก็ชักชวนกันมาเป็นฝูงใหญ่ โปรยอาหารเมื่อไหร่ก็จะออกมาโฉบไปมา ยกเว้นวันฝนตกที่จะซุ่มอยู่ในป่าเท่านั้น “คนพลัดถิ่น” จึงกลายเป็นแหล่งรวมช่างภาพสายดูนก รวมทั้งสายเที่ยวไปโดยปริยาย แต่ที่ดึงดูดใจได้ไม่แพ้กันก็คือรสชาติของอาหารที่จัดว่าเด็ดมานานแล้ว

ถ้าจะดูเหยี่ยวช่วงเย็น ๆ ก็แวะไปที่ร้าน “ทิวธารา” ปากคลองน้ำเชี่ยว อ.เมือง ตราด เป็นอีกจุดชมเหยี่ยวสุดเฟี้ยวไม่แพ้กัน

นอกจากร้านคนพลัดถิ่น พื้นที่รอยต่อจังหวัดตราดและจันทบุรี บริเวณ “แม่น้ำเวฬุ” ก็เป็นแหล่งอาศัยของเหยี่ยวแดง แต่ที่นี่มีกิจกรรมที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับพวกมันแบบไปไหนไปกัน

บ้านมณีแดงโฮมสเตย์ มีที่พักให้เลือหลายแบบ

กิจกรรมล่องเรือชมเหยี่ยวแดงในแม่น้ำเวฬุ ณ หมู่บ้านไร้แผ่นดิน (ซึ่งหมายถึงการดำรงชีวิตอยู่ในลุ่มน้ำ) อ.ขลุง จ.จันทบุรี ในทริปนี้รวมอยู่ในแพ็กเกจของ “บ้านมณีแดงโฮมสเตย์” ที่พักใน อ.แหลมสิงห์ แต่อยู่ไม่ไกลจากจุดชมเหยี่ยวแดง นั่งรถสองแถวของทางรีสอร์ตไปประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

ที่บ้านมณีแดงฯเป็นที่พักน่ารัก ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ มีกิจกรรมให้เลือกทำเยอะมาก รวมทั้งการปลูกป่าโกงกาง ซึ่งอยู่ในพื้นที่รีสอร์ต ตื่นเช้ามาออกจากห้องพักก็สามารถออกไปเดินเล่นในป่าโกงกางได้เลย จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คืออาหารทะเลสด ๆ รสชาติดี จึงเป็นที่ประทับใจของลูกค้า

เวลาที่เหมาะกับการออกไปชมเหยี่ยวแดงคือช่วงเย็น ๆ บ่ายสามโมงเป็นต้นไป เมื่อไปถึงท่าเรือ ทุกคนจะได้รับเสื้อชูชีพ มีทั้งแบบแพเปียก หรือนั่งเรือ จากนั้นก็ล่องไปแบบช้า ๆ เข้าสู่ลำคลองที่คดเคี้ยวไปในป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์

ระหว่างการล่องเรือ คนเรือก็จะนำของโปรดของเหยี่ยวมาโปรยเป็นระยะ เพื่อเชื้อเชิญให้พวกมันเดินทางไปกับเราจนเกือบถึงปากอ่าว อันเป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงามมาก กลางคืนยังเป็นแหล่งชมหิ่งห้อย สามารถเข้าพักในรูปแบบโฮมสเตย์ที่ดูแลโดยชาวบ้านในพื้นที่ รายละเอียดและราคาค่าบริการต่าง ๆ สามารถสอบถามไปยังโฮมสเตย์ต่าง ๆ ได้เลย

เมื่อล่องออกไปสุดทางแล้ว คนที่นั่งแพเปียกสามารถลงเล่นน้ำได้

ระยะเวลาไป-กลับ ราว 1.30 ชั่วโมง เป็นช่วงที่คุ้มค่ามาก เราได้ออกไปสูดลมหายใจในผืนป่าอันเขียวขจี คดเคี้ยวไปในลำคลองที่โค้งเว้า บรรยากาศที่เงียบสงบทำให้รู้สึกถึงความอิ่มเอมได้เป็นอย่างดี

ฝูงเหยี่ยวโบยบินไปตามลำน้ำ บ้างก็ลงมาโฉบเฉี่ยวเหยื่อเป็นระยะ เมื่อแสงแห่งวันเริ่มลาลับ พวกมันก็แยกตัวกลับบ้าน ซุ่มอาศัยอยู่ในป่าผืนกว้าง พร้อมด้วยเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่พักพิงอย่างเย็นใจในดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้

 

Post a comment

16 − 6 =