Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

แคมเปญโดฟ #LetHerGrow คว้า 2 รางวัลชนะเลิศ UN Women 2022 WEPs Awards  

แคมเปญโดฟ #LetHerGrow ของยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย คว้าสองรางวัลชนะเลิศในสาขาการตลาดที่คำนึงถึงมิติทางเพศ จาก UN Women 2022 WEPs Awards สำหรับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยพันธกิจของโดฟคือการทำให้ความงามกลายเป็นแหล่งแห่งความมั่นใจ ไม่ใช่ความวิตกกังวล แคมเปญของโดฟจึงสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมและผลกระทบในเรื่องที่เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงต้องถูกบังคับให้ตัดผม ซึ่งยูนิลีเวอร์และโดฟภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคม รณรงค์ที่จะยุติการบังคับตัดผมในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเองให้กับนักเรียนทุกคน

โดยทั้งสองรางวัลชนะเลิศในสาขาการตลาดที่คำนึงถึงมิติทางเพศ จาก UN Women 2022 WEPs Awards ที่โดฟได้รับมานั้น ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์โดฟและยูนิลีเวอร์ในการสร้างการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาสังคมและผลกระทบต่างๆ จากการที่เด็กนักเรียนต้องถูกบังคับให้ตัดผม ซึ่งการตัดผมที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เพียงแต่ผมที่ถูกตัดออกไป แต่เด็กนักเรียนเหล่านั้นยังสูญเสียความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเองอีกด้วย

วิชพร คณะพงษา ผู้อำนวยการการตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม กลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประเทศไทยได้มีการแก้ไขกฎระเบียบทรงผมของนักเรียน เพื่อให้มีความครอบคลุมมากขึ้นและห้ามไม่ให้มีการลงโทษนักเรียนโดยการตัดผม แต่ในความเป็นจริง หลายโรงเรียนยังคงมีกฎระเบียบในเรื่องทรงผมที่เคร่งครัดอยู่ ทำให้เด็กนักเรียนบางคนถูกลงโทษบังคับให้ตัดผม  ซึ่งกระทบต่อความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเอง จากผลการสำรวจล่าสุดโดยโดฟ พบว่า ผู้หญิง 7 ใน 10 คน เคยเสียความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเองเนื่องจากการถูกบังคับตัดผม

โดฟตระหนักถึงปัญหานี้  จึงได้เปิดตัวแคมเปญ โดฟ #LetHerGrow เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสะท้อนให้คนในสังคมได้ตระหนักรู้และร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหา และรณรงค์ยุติการบังคับตัดผมในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้เด็กผู้หญิงเห็นคุณค่าและมีความภาคภูมิใจในตนเอง โดยกระแสของแคมเปญเป็นที่พูดถึงในวงกว้างตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว โดยมีจำนวนผู้ที่เห็นโฆษณาดิจิทัล (Digital Ad Reach) ประมาณ 17 ล้านคน มีการรีทวิต (Retweet) บนทวิตเตอร์ประมาณ 59,000 ครั้ง และมีมูลค่าการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ (Earned PR Value) มากกว่า 19 ล้านบาท นอกจากจะได้สร้างความสนใจในสังคมและกระแสในโซเชียลมีเดีย ยังได้รับการสนับสนุนจากหลายสถาบันในการร่วมรณรงค์และหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อช่วยสร้างอนาคตให้เด็กนักเรียนไทยทั่วประเทศได้เติบโตในแบบที่ดีที่สุด

”โดฟรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ผลงานของโดฟได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ถึง 2 รางวัล ซึ่งมีผู้สมัครมากกว่า 60 บริษัท ทั้งจากภาคเทคโนโลยี การตลาดและการลงทุน ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดฟรู้สึกขอบคุณที่ทาง UN Women เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นของโดฟที่กล้าหยิบยกประเด็นเชิงสังคม ผลักดันเรื่องความเท่าเทียมในสังคมไทย เพราะโดฟเชื่อในความงามเชิงบวกและไลฟ์สไตล์ที่มีสุขภาพดี เราไม่กลัวที่จะยืนหยัดและใช้การเข้าถึงและตัวตนของเรา เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ความงามแบบเก่า เราหวังว่าเสียงของเราจะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในสังคม และช่วยให้เด็กผู้หญิงมีความภาคภูมิใจในตนเอง และเติบโตในแบบที่ดีที่สุด” นางสาววิชพร กล่าวเสริม

นอกจากนี้ โดฟได้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรด้านการศึกษา ในการสร้างการเปลี่ยน แปลง รวมถึงการริเริ่มกองทุนเดอะ โกรธ์ ฟันด์ (Growth Fund) เพื่อสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับลูกหลาน และพัฒนาโครงการความภาคภูมิใจในตนเองของโดฟ (Dove Self-Esteem) และร่วมกับสมาคมผู้บำเพ็ญประ โยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์  ริเริ่มโครงการ Free Being Me เพื่อสร้างความมั่นใจและเห็นคุณค่าของตนเองในเด็กนักเรียนไทยและครูทั่วประเทศไทย

นางสาววิชพร กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่โดฟและยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ทำมาโดยตลอด คือการมุ่งมั่นขับเคลื่อนในเรื่องความยั่งยืนและส่งเสริมให้ผู้บริโภคร่วมทำสิ่งดีๆ ให้กับสังคมง่ายๆ ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ โดยทุกๆ ผลิตภัณฑ์โดฟ สอนให้เด็กผู้หญิงภาคภูมิใจในตนเอง ฉนั้นทุกครั้งที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์โดฟ ก็เท่ากับว่าคุณได้มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน”

Post a comment

5 × 4 =