Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat. Ut wisi enim

Subscribe to our newsletter

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam
[contact-form-7 id="9582" html_class="default"]

meet&EAT

ไม่ง่ายนักหากจะหาที่พักติดทะเลและแม่น้ำในที่เดียวกัน จึงต้องใช้คำว่า “Amazing “ ได้เลยสำหรับทำเลของ  “โรงแรมฟอร์จูน แสงจันทร์บีช ระยอง” (Fortune Saengchan Beach Hotel)  ริมชายหาดแสงจันทร์ โดยตัวโรงแรมตั้งอยู่บริเวณชายหาด กึ่งกลางระหว่าง ทะเล และ แม่น้ำ ที่ขนานกันไปเป็นทางยาว หาดแสงจันทร์เป็นชายหาดอันเงียบสงบ แค่เพียงข้ามถนนก็ได้เล่นน้ำได้เหมือนหาดส่วนตัว แต่ก็สะดวกสบาย เพราะไม่ไกลจากตัวเมือง ในละแวกยังมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย เพราะหาดแสงจันทร์ จะอยู่ระหว่างหาดแหลมเจริญ และ หาดสุชาดา ซึ่งมีมุมชิลเยอะมาก แต่ชิลแค่ไหน ก็ยังผสมผสานกลมกลืนกับความเป็นพื้นบ้านของชุมชนชาวประมงชายฝั่งได้อย่างงดงาม ใครชอบถ่ายรูปแนววิถีชีวิตมีมุมให้เลือกแชะกันทั้งวัน “ฟอร์จูน แสงจันทร์บีช ระยอง” ที่พักติดชายหาดในตัวเมืองระยอง เป็นโรงแรมสไตล์โมเดิร์นสูง 7 ชั้น ตั้งอยู่ริมหาดแสงจันทร์ มีห้องพักแบบต่าง

สีเขียวเป็นสีที่มองเห็นแล้วสบายตา วันที่ผ่านการทำงานอย่างเหนื่อยล้าอยู่กับหน้าจอ เราจึงอยากพักสายตาเพื่อมองหาความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า ไม่ว่าจะอยู่ในกระถางเล็ก ๆ บนโต๊ะทำงาน หรือจะมองออกนอกหน้าต่าง แต่จะดีแค่ไหน หากได้เดินทางออกไปในที่โล่งกว้าง ผ่านถนนหนทางที่เต็มไปด้วยความเขียวขจี ได้ซึมซับรับพลังบวกท่ามกลางขุนเขา ให้เหล่าต้นไม้ใบหญ้าได้ส่งพลังธรรมชาติเพื่อฟื้นฟูกาย-ใจ ให้สดใสยิ่งกว่าเดิม โครงการ “Refresh life

กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จับมือบริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำกลุ่มบริษัทพลังงานครบวงจรระดับภูมิภาค และบริษัท เทสท์อิงค์ เอเชีย จำกัด เดินหน้าในการผลักดัน Soft Power อาหารไทยในมิติแห่งความเป็นยา  จัดงาน “Thai Taste Therapy Challenge by Worldgas ครั้งที่ 2” พร้อมพัฒนาศักยภาพ และทักษะของบุคลากรควบคู่การเชิดชูมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สานต่อความสำเร็จจากการแข่งขันในปีแรก  ชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า “กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริม การพัฒนาและเผยแพร่ภูมิปัญญาวัฒนธรรมผ่านแรงขับเคลื่อน Soft Power เพื่อชูความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก ซึ่งอาหารไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของประเทศ ที่ประกอบด้วยรูป รส

คนเราทำงานหนัก เพื่อมุ่งหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น หากเป็นในอดีต “ชีวิตที่ดี” อาจจะประกอบด้วยความมีอยู่ มีกิน มีใช้ มีเก็บ ซึ่งผูกทุกอย่างไว้กับตัวเงิน แต่วันนี้ เป้าหมายของคนเราเปลี่ยนไป เราโหยหาธรรมชาติ โหยหาความมั่นใจจากการกินอยู่อาศัย เป็นความมั่นคงและปลอดภัยที่มีผลต่อคำว่า “คุณภาพชีวิตที่ดี” สถานการณ์โควิด-19 สะท้อนให้เห็นว่า ผู้คนต้องการ “ความมั่นคงด้านอาหาร” ที่มีทั้ง “อำนาจ” จากความเป็นเจ้าของ โดยไม่ต้องซื้อหา และ “ความมั่นใจ” ในความปลอดภัย ที่ดูแลควบคุมเองได้ "วิถีเกษตร" กลายเป็นสาระที่คนเราเก็บกลับมาคิดอย่างจริงจัง และถ้ามันสร้างเงินสร้างงานได้ในเวลาเดียวกัน ก็ยิ่งสมบูรณ์ สวนเอเดน สวนทุเรียน GI ปากช่องเขาใหญ่ Meetthinks ได้ใช้เวลาสั้น ๆ หลังจากเดินทางมายัง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ด้วยภารกิจร่วมงาน “เทศกาลทุเรียน GI

บรรดามหาเศรษฐีของเมืองไทย เลือกเขาใหญ่เป็นสถานที่ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ และการปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัยส่วนตัว เพราะที่นี่คือดินแดนแห่งมรดกโลก ที่มีสภาพอากาศที่ดีมาก ใครมาเยือนเขาใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นสบาย สูดลมหายใจได้อย่างสดชื่น ที่อยู่ ที่กิน ที่เที่ยวบนเขาใหญ่ ก็มีความสวยงาม ครบเครื่องครบครัน เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างบรรยากาศแห่งขุนเขากับความสะดวกสบาย [caption id="attachment_28361" align="aligncenter" width="800"] นพลักษณ์ ทัศน์ธนาวัฒน์[/caption] ประมาณ 20 ปีที่แล้ว “นพลักษณ์ ทัศน์ธนาวัฒน์” หรือ คุณนิ่ม สาวเหนือชาวลำปาง อดีตเคยอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงราย ก่อนจะย้ายมาปักหลักที่กรุงเทพ และทำงานอยู่ในธุรกิจแบงก์ จนลาออกมาช่วยธุรกิจสิ่งพิมพ์และโฆษณาของครอบครัว จนวันหนึ่ง เธอต้องการมองหาบ้านหลังเล็ก ๆ สำหรับการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ ในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ เธอจึงเลือกเขาใหญ่เป็นเป้าหมาย เมื่อเริ่มลงหลักปักฐาน จึงมองหาธุรกิจเล็ก ๆ บนเขาใหญ่ เป็นที่มาของ ร้านอาหาร

หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า ในเขตอำเภอปากช่อง เป็นแหล่งเกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์ สามารถเพาะปลูกพืชผักผลไม้ได้อร่อยหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือ “ทุเรียน” ซึ่งมีพื้นที่ปลูกรวมกว่า 10,000 ไร่ แต่ทุเรียนปากช่อง ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย จากการร่วมแรงร่วมใจของเกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันผลักดันทุเรียนปากช่องให้มีคุณภาพ จากเอกลักษณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร เพราะปลูกในพื้นที่ดินภูเขาไฟ ท่ามกลางหุบเขาอันบริสุทธิ์ ดินดี น้ำดี และได้รับการดูแลที่ดี ล่าสุดทุเรียนปากช่อง ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI (Geographical Indications) ในนามของ “ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่”  ภายใต้สโลแกน “เนื้อแห้ง เนียนนุ่ม ละมุนลิ้น กลิ่นไม่แรง” และได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ "เทศกาลทุเรียน GI ปากช่องเขาใหญ่” ไปเมื่อวันที่ 15-16 กรกฎคม 2565

“ผมมีแนวความคิดว่าจะผลักดันทุเรียนปากช่องให้โด่งดังเหมือนทางนนทบุรี  ที่ครั้งหนึ่งเคยประมูลกันลูกละ 8 แสนบาท” พี่มาโนช "มาโนช รูปสมดี" เจ้าของสวนอัมพร  เล่าให้ meetThinks ฟัง นับเป็นความท้าทายก้าวต่อไป หลังจากใช้เวลา 2 ปีในการขอรับรองตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI กับเส้นทางที่ยังต้องต่อสู้กับปัญหาอีกมากมาย เพราะทุเรียนเป็นพืชที่ดูแลยาก ว่ากันว่าต้องเอาใจกันเหมือนเด็กแบเบาะ เป็นผลไม้ที่ปลูกแล้วก็ต้องปลูกซ่อมกันแทบทุกปี ไม่มีคำว่ากินยาว เหมือนไม้ผลอื่น ๆ แถมราคายังนับว่าเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับการควบคุมต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น [caption id="attachment_28284" align="aligncenter" width="799"] มาโนช รูปสมดี[/caption] 40 ปี ทุเรียนปากช่อง สู่การขึ้นทะเบียน GI ในฐานะประธานวิสาหกิจชุมชนทุเรียนและพืชสวน อ.ปากช่อง พี่มาโนชได้ทุ่มเทในการปลุกปั้นฟันฝ่า โดยอาศัยความร่วมมือจากสมาชิกในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุเรียนและพืชสวน อำเภอปากช่อง และวิสาหกิจชุมชนทุเรียนคลองม่วง ปากช่อง พร้อมด้วยอาจารย์

ถ้าเอาน้ำพริกเป็นตัวกำหนดการเดินทาง เราคงได้ไปเที่ยวในชุมชนได้เป็น 100 แห่ง เพราะไม่ว่าจะเดินไปภาคไหนของเมืองไทย เราก็จะเจอกับเมนูพื้นบ้านอย่างน้ำพริก ต่างถิ่นก็ต่างสูตร เพราะอิงกับวัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นหลัก รวม ๆ แล้ว ทั่วเมืองไทย น่าจะมีสูตรน้ำพริกอยู่มากกว่า 100 ตำรับเลยก็ว่าได้ ล่าสุดมีแนวคิดใหม่ของการกินน้ำพริก จากแนวคิดสร้างสรรค์จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  ภายใต้โครงการ “The journey of  น้ำพริกจากบ้านนาสู่มหานคร” ล่าสุดได้มีการจัดงานเปิดตัวเมนูอาหารที่สร้างสรรค์จากน้ำพริกสูตรเด็ดจากทั่วประเทศ ด้วยฝีมือเชฟร้านอาหารดังจำนวน 20 ร้านทั่วกรุงเทพฯ พร้อมแล้วให้นักชิมตามไปพิสูจน์ความอร่อย [caption id="attachment_28230" align="aligncenter" width="800"] แจ่วบอง ชุมชนคุณธรรมต้นแบบบ้านท่าเรือ จ. นครพนม[/caption] นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า “น้ำพริกเป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ตกทอดตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จุดเด่นไม่เพียงรสจัดถูกปากคนไทย แต่ยังปรุงง่าย และนำพืชพรรณธัญญาหารในท้องถิ่นมาปรุงร่วมด้วยไม่จำกัด ด้วยเหตุนี้ในแต่ละชุมชนจึงมีสูตรน้ำพริกเฉพาะของตัวเองสืบทอดตามบริบทของแต่ละพื้นที่

ฤดูกาลที่แตกต่าง เป็นอีกเหตุผลที่คนเราเลือกออกเดินทาง แม้ว่าไฮซีซั่นของแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่ง จะเผยโฉมสุดแจ่มของสถานที่นั้น แต่มันก็ไม่ใช่บทสรุปของทุกอย่างหรอกนะ 8 มิถุนายน ท่าเรือปากบารา สตูล ท่าเรือปากบารา ในช่วงเข้าสู่โลซีซัน หรือกำลังเข้าช่วงมรสุมของทะเลใต้ เป็นต้นฤดูฝนที่เริ่มแสดงให้เห็นว่า ฤดูกาลมีผลมากต่อการตัดสินใจ [caption id="attachment_27922" align="aligncenter" width="800"] ห้องขายดี วิวสวย ที่ The Cliff หลีเป๊ะ[/caption] เราวางแผนเดินทางท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะเมื่อปลายพฤษภาคม เลือกจองแพ็กเกจของ The Cliff Lipe ห้องแบบ Jacuzzi Panorama Ocean View โปรโมชั่น 16,990- สำหรับ 2 ท่าน (3 Days 2 Nights) ราคารวมค่ารถตู้ไป-กลับ

คงเคยได้ยินว่าคนเรามีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ และธรรมชาติก็มีกลิ่นหอมในตัวของมันเองด้วย หากไม่รวมพวกดอกไม้ใบหญ้าหรือพืชสมุนไพรเขียว ๆ แล้วละก็ ยังมีอีกกลิ่นที่หลายคนหลงใหล แต่ไม่รู้ว่าใครจะนำกลิ่นเหล่านั้นมาใช้ได้อย่างไร นอกจากจะปล่อยให้มันหอมอยู่ในจังหวะและโอกาสของมันเอง ฝนแรกในบางเวลา หรือจะเป็นสายฝนที่โชยมาหลังแดดจ้า จะสะท้อนกลิ่นไอบาง ๆ จากผืนดิน ซึ่งประกอบด้วยโมเลกุลบางอย่าง เคยอ่านเจอว่าหลายคนที่ได้กลิ่นไอดินหลังฝน จะรู้สึกแช่มชื่น บ้างก็มีความอยากอาหาร ขณะที่ไม่รู้ว่า จะมีใครนำกลิ่นไอดินไปใช้ได้อย่างไร ก็เลื่อนไปเจอข้อมูลจาก BBC Thai ระบุว่า “จีโอมิน” (geosmin) คือโมเลกุลของแบคทีเรียในดิน ที่จะลอยขึ้นไปบนอากาศเมื่อมีหยดน้ำโปรยมา  นักวิทยาศาสตร์ยังระบุว่า มนุษย์จะรับรู้กลิ่นนี้ได้ดีมากยิ่งกว่าสัตว์ด้วยซ้ำ และในเชิงพาณิชย์ “กลิ่นหอมแห่งพสุธา” เป็นกลิ่นหอมที่สกัดจากไอดิน เกิดขึ้นมาแล้วที่อินเดียเมื่อปี 1960 และได้กลายเป็นสูตรหนึ่งของน้ำหอม เรื่องราวนี้สามารถอ่านได้ในเว็บไซต์ของ BBC [caption id="attachment_27828" align="aligncenter" width="800"] มุมมองจากทางทางเข้าด้านหน้า[/caption] [caption id="attachment_27824" align="aligncenter"

เพราะผูกพันกันมานาน ที่พักบางแห่งก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของใครหลายคน ด้วยมาตรฐานและการบริการอย่างอุ่นใจ ทำให้ชื่อของ “สยามเบย์ชอร์ พัทยา” อยู่ในใจของนักท่องเที่ยวเสมอมา เพราะนอกจากทำเลที่ตั้งที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างเงียบสงบแล้ว ยังมีมุมอร่อยให้เพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวัน สยาม เบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา (Siam Bayshore Resort Pattaya) โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวในเครือสุโกศล ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี  ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 45 ไร่ ภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อน ตั้งอยู่ในทำเลใกล้กับท่าเรือแหลมบาลีฮาย และถนนคนเดิน พร้อมพรั่งด้วยห้องพักหลากรูปแบบ สระว่ายน้ำ 2 สระ สปา รวมทั้งร้านอาหารที่มีให้เลือกหลากสไตล์ และนี่คือเป้าหมายของการเข้ามาที่ สยาม เบย์ชอร์ ในครั้งนี้ เตรียมไปฟินกันเลย วันนี้ขอเร่ิมต้นยามบ่ายด้วย

อาหารเช้าเป็นมื้อที่จำเป็นสำหรับร่างกาย นับเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้ แต่จะจำเป็นขนาดไหน นอกจากเรื่องของสุขภาพทางร่างกายแล้ว ยังเกี่ยวเนื่องต่ออารมณ์และจิตใจ หากพลาดไปก็สุดแสนเสียดาย เพราะอาหารเช้าในบางโอกาสก็สำคัญจนพลาดไม่ได้ มื้อเช้าจะพิเศษได้แค่ไหนต้องลองมาดูกัน สำหรับอาหารเช้าที่ได้ชื่อว่า เป็น 1 ใน 3 ไฮไลต์ของ “โรงแรมเวฟ พัทยา” (Wave Hotel Pattaya) โรงแรมในเครือสุโกศล ซึ่งตั้งอยู่ริมชายหาด ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงแรม “เดอะ เบย์วิว พัทยา” (The Bayview Pattaya) ในเครือเดียวกัน ซึ่งมีขนาดใหญ่และสูงกว่า ทั้งสองโรงแรมจึงมีห้องพักที่มองเห็นวิวทะเล โดยเฉพาะเดอะเวฟ ซึ่งเป็นอาคารขนาด 4 ชั้น จำนวน 18 ห้อง ทุกห้องมีระเบียงมองเห็นวิวชายหาดพัทยาได้อย่างเต็มตา บรรยากาศแบบนี้

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งทุกท่านจะได้เพลิดเพลินกับไฮไลต์และข้อเสนอสุดพิเศษมากมายตลอดทั้งปี 14 พฤษภาคม 2565 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้จัดงานเฉลิมฉลองให้กับการครบรอบ 10 ปี โดยทางโรงแรมฯได้จัดเตรียมการแสดงแบบญี่ปุ่นไว้ให้ลูกค้าทุกท่านได้รับชมเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองและเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่น การแสดงจะจัดขึ้น ณ บริเวณล็อบบี้ชั้น 24 ของโรงแรมฯ ตั้งแต่เวลา 15:00 น. เป็นต้นไป การแสดง “กลองไทโกะ” กลองไทโกะเป็นกลองมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน กลองไทโกะได้ถูกใช้ในการประกอบการแสดงศิลปะหรือพิธีกรรมต่างๆ ในเทศกาลท้องถิ่นหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น การแสดงกลองไทโกะ เป็นการเรียกความฮึกเหิม ทรงพลัง

วันอาทิตย์ เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์จริง ๆ ของคนทำงานประจำ เพราะมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องทำงานในวันเสาร์ หรือแม้จะได้หยุดในวันเสาร์ เราก็มักจะใช้เวลานี้ในการจัดแจงธุระส่วนตัวกันทั้งวัน วันอาทิตย์จึงถือเป็นวันที่เราได้จะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง อยากนอนตื่นสายก็จะได้ลากยาวชาร์จพลังกันเต็ม ๆ แต่การชาร์จพลังที่ดีก็ไม่ได้มีแค่การนอน แต่การได้พบเจอประสบการณ์ดี ๆ ในวันหยุดพักผ่อนกับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคนรัก ก็เป็นอีกส่วนสำคัญในการเสริมพลังใจให้กับคนเรา มื้ออาหารสำหรับวันอาทิตย์จึงถือเป็นช่วงเวลาพิเศษ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเป็นวันแรงงานที่ผ่านมา ห้องอาหาร เดอะ สแควร์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต เอาใจสายบุฟเฟ่ต์ ด้วยการเปิดตัว “บุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์”  หรือ “ซันเดย์บรั้นช์” (Sunday Brunch) ธีม "บุฟเฟ่ต์เลเบอร์ เดย์ ซันเดย์ บรั้นช์" ฉลองวันแรงงาน ด้วยการนำเสนอประสบการณ์การพักผ่อนในวันหยุดของทุกคน

ไม่ว่าคุณจะเคยไปประเทศอิตาลีหรือไม่ แต่คงเคยได้ยินชื่อเสียงของวัฒนธรรมอาหารอิตาเลียนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่า หรือ พาสต้า ซึ่งปัจจุบันเป็นอาหารที่แพร่หลายในเมืองไทย แม้จะดูแล้วว่าเป็นอาหารที่เรียบง่ายใช้วัตถุดิบไม่มากนัก แต่สิ่งที่ซ่อนในอาหารอิตาเลียนกลับเปี่ยมไปด้วยความพิถีพิถัน โดยเฉพาะเรื่องของวัตถุดิบ ซึ่งอาศัยบริบทและความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ใครที่อยากจะทำอาหารอิตาเลียน บอกได้เลยว่าไม่หมู เพราะอาศัยวัตถุดิบเฉพาะเป็นตัวกำหนดรสชาติที่สำคัญ ทำให้แหล่งวัตถุดิบที่ดียังต้องอาศัยการนำเข้าหรือความเชี่ยวชาญแบบชาวอิตาลีเท่านั้น ในเมืองไทยมีร้านอาหารอิตาเลียนอยู่มากพอสมควร แต่ส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรม ย่านกลางเมือง หรือแหล่งท่องเที่ยว ส่วนใหญ่มีราคาสูงตามโลเคชั่น แต่ไม่ต้องกังวลไป ใครที่อยากสัมผัสอาหารสไตล์อิตาเลียนอร่อย ๆ จากวัตถุดิบดี ๆ ในราคาที่จับต้องได้ ขอแนะนำ “Buonissimo Italian Restaurant & Pizzeria” Adolfo Faccin (อดอลโฟ ฟาซิน) เจ้าของร้าน “Buonissimo” (บูนิชชิโม) เขาเป็นชาวอิตาเลียน อดีตวิศวกรนักชิมที่ทำอาหารเป็นงานอดิเรก เรื่องของอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมดจึงไว้ใจเขาได้ “อดอลโฟ” เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองไทยประมาณ 30

วัฒนธรรมการดื่มกาแฟของคนไทยได้ขยายตัวขึ้นจนกลายเป็น “ไลฟ์สไตล์” ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการชงดื่มที่บ้าน ที่ทำงาน นัดพบปะสังสรรค์ การออกเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันพบว่า คนไทยมองหาร้านกาแฟเช่นเดียวกับการมองหาที่พักและร้านอาหาร และกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อออกทริป แต่ด้วยโอกาสอันหอมกรุ่นของตลาดกาแฟในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดร้านกาแฟขึ้นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าชุมชนไหนก็มีร้านกาแฟเปิดให้บริการ แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ตลอดระยะสองปีที่ผ่านมา ตลาดร้านกาแฟก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับธุรกิจบริการอื่น ๆ ร้านขนาดเล็ก-กลาง มีการปิดตัวไปมาก สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากการท่องเที่ยว และวิถีการดื่มกาแฟของคนไทยยังไม่เปลี่ยนไปไหน นายมีชัย อมรพัฒนกุล นายกสมาคมบาริสต้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19  การบริโภคกาแฟในส่วนของภาคการท่องเที่ยวและการเดินทางมีอัตราที่ลดลง แต่พฤติกรรมของคนยังคงเลือกซื้อกาแฟเพื่อดื่มที่บ้านแทนการออกไปดื่มที่ร้าน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดร้านกาแฟ โดยประมาณการณ์ค่า หากบรรยากาศการท่องเที่ยวกลับคืนสู่ปกติ ตลาดร้านกาแฟยังสามารถขยายตัวได้ถึง 3 เท่า อีกทั้งยังมีกาแฟที่หลากหลายรูปแบบและระดับราคาเข้ามามากขึ้น อาทิ กาแฟแก้วละ 800 บาท "ในภาวะปกติธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟเติบโตอยู่ที่ 3-5% มูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ

‘มิชลิน ไกด์’ และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมแถลงข่าวการขยายขอบเขตคัดสรรร้านอาหารเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ “ภาคอีสาน” ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของไทยครอบคลุม 20 จังหวัด โดยคู่มือมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ 6 ของไทยและมีกำหนดเผยแพร่ปลายปี 2565 นี้ ได้เลือก นครราชสีมา, อุบลราชธานี, อุดรธานี และ ขอนแก่น เป็น 4 เมืองตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะสะท้อนอัตลักษณ์อาหารอีสานที่โดดเด่นและมีรสชาติจัดจ้าน ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาหารอีสานมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรเขมรโบราณ รวมทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว เวียดนาม กัมพูชา และจีน  ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบด้วยทุ่งหญ้าและผืนป่าบนที่ราบสูงและเทือกเขาซึ่งเหมาะกับการทำปศุสัตว์ นอกจากนี้ภาคอีสานยังเป็นแหล่งปลูกข้าวคุณภาพสูง ทั้งข้าวหอมมะลิที่โด่งดังไปทั่วโลกและข้าวเหนียว  อาหารอีสานส่วนใหญ่จะไม่ใช้อาหารทะเลเป็นวัตถุดิบเนื่องจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ไม่ติดกับทะเลหรือมหาสมุทร

ราว 40 กิโลเมตรจากตัวเมืองแพร่ เส้นทางบนเนินเขาที่คดเคี้ยว มองเห็นทัศนียภาพอันสวยงาม ดินแดนแห่งนี้มีชื่อสั้น ๆ ว่า “ลอง” เดิมเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดลำปาง หลังจากการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง ในปี 2475 ทางการจึงได้โอนเมืองลองมาเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดแพร่ เอกลักษณ์ของเมืองลอง จึงมีความแตกต่างจากเมืองแพร่ แม้จะใช้ภาษาเดียวกัน แต่หากวิเคราะห์ถึงรายละเอียดที่ลึกลงไป คนเมืองลอง มีตัวตนที่แตกต่างจากคนแพร่ และนี่คือเรื่องราวของเมืองลอง ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมเมืองลอง เจ้าของพิพิธภัณฑ์กมลผ้าโบราณ อาจารย์โกมล พานิชพันธ์ ที่ Meetthinks มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยถึงความเป็นไปของเมืองลองในปัจจุบัน [caption id="attachment_27268" align="alignnone" width="799"] เส้นทางจากเมืองแพร่สู่เมืองลอง เต็มไปด้วยความสวยงาม[/caption] ท่องเที่ยวเมืองลองในทัศนะของคนเมืองลอง “อยากให้การท่องเที่ยวเมืองลองไปในแนวของเชิงวัฒนธรรม เพราะเราอาจจะไม่มีวิวที่สวยที่สุด แต่เรามีสิ่งหนึ่งคือ  ตัวตน ของตัวเอง ก็คือวัฒนธรรมความเป็นคนเมืองลอง ถามว่าคนเมืองลองกับแพร่เหมือนกันหรือเปล่า ภาษาเหมือนกัน

การท่องเที่ยวสายมู เป็นกิจกรรมที่กำลังมาแรง เพราะนอกจากจะได้ออกเดินทางไปชมความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ แล้ว ยังถือเป็นโอกาสที่ดีในการเสริมพลังเติมกำลังใจ รับสิ่งดี ๆ อันเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต เรียกว่าไปเที่ยวทีก็เก็บพลังบวกกลับมาบ้านแบบจัดเต็ม ตามความเชื่อของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ปี 2565 ซึ่งเป็นปีนักษัตรปีขาล หรือ ปีเสือ ดังนั้นผู้ที่เกิดปีขาล ไม่ว่าจะมาจากจังหวัดไหน จะมุ่งหน้าไปจังหวัดแพร่ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของ “วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง” วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ อันเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป  และเป็นพระธาตุประจำปีขาลหรือปีเสือ ในปีนี้เมืองแพร่จึงมีความคึกคักเป็นพิเศษ นอกจากคนเกิดปีขาลแล้ว  คนเกิด “ปีชง” (ปีวอก ปีมะเส็ง ปีกุน) ก็เป็นกลุ่มที่นิยมเดินทางมากราบพระธาตุช่อแฮด้วยเช่นกัน [caption id="attachment_27192" align="alignnone" width="800"] นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์  เป็นประธานปล่อยขบวนคาราวาน ณ สถานีบริการน้ำมัน

ความสวยงามของท้องทะเลอันดามัน เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาจังหวัดกระบี่ ไม่ว่าจะลงไปเกาะหรือจะเข้าพักตามชายหาดต่าง ๆ ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่กระบี่ก็มีดีกว่าทะเล ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่หลากหลาย จึงยังมีมุมใหม่ ๆ ที่ชวนให้ไปชม เยือนทะเลหมอกกระบี่ ที่ดินแดงดอย กระบี่มีจุดชมวิวมุมสูงบนเนินเขาหลายแห่ง แต่ละที่ก็มีระดับความแอดเวนเจอร์มากน้อยแตกต่างกันไป สำหรับทริปชมแสงยามเช้า เคล้าทะเลหมอกท่ามกลางขุนเขาที่จังหวัดกระบี่ แบบเบา ๆ ขอแนะนำที่ “ดินแดงดอย” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง ดินแดงดอย เป็นเนินเขาเตี้ย ใช้เวลาเดินขึ้นไป 15-20 นาที ตามกำลังแข้งขาของแต่ละคน ใครที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็จะรู้สึกสบาย ๆ ส่วนใครที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ก็จะเคลื่อนไหวกันช้าหน่อย แต่รับรองว่าไม่ต้องปีนป่ายให้ยากลำบากอะไรมากนัก เหนื่อยก็หยุดพักได้ แถมระยะทางเดินขึ้นก็ไม่ไกล กะประมาณที่ 300 เมตรแบบไต่เนินเขา แนะนำว่าควรมาถึงบริเวณทางขึ้นประมาณตีห้าครึ่ง เมื่อรวมเวลาเดินขึ้นเนินเขาแล้ว ก็จะทันพระอาทิตย์ขึ้นพอดี ด้านบนดินแดงดอยเป็นจุดชมวิวที่กว้างใหญ่ เกือบ 360 องศา สามารถมองเห็นภาพบรรยากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง